บมจ.แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ เคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 2.00 บาท 

Date:

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ไนซ์ คอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCP ผู้นำในธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ (Telesales), ธุรกิจการให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายครั้งแรก (Upselling Service) และธุรกิจการให้บริการบริหารพนักงานขาย (Dedicated Telesale Outsourcing) เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญาแต่งตั้ง ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม (Joint Lead Underwriters) จำนวน 2 ราย ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน)  พร้อมแต่งตั้งผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 3 ราย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เพื่อเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ “NCP” คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจบริการ ภายในเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพธุรกิจและความแข็งแกร่งของฐานะการเงินแก่บริษัท

ทั้งนี้ NCP เป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด และต่อเนื่องในอนาคต สอดคล้องกับทิศทางเมกะเทรนด์โลก โดยผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี (2564 – 2566) บริษัทมีรายได้รวม 191.23 ล้านบาท 181.03 ล้านบาท 173.11 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 25.56 ล้านบาท 20.22 ล้านบาท และ 12.53 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ผลประกอบการงวด 3 เดือนแรกปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 45.30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2.75 ล้านบาท ตามลำดับ 

ด้าน นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายร่วม กล่าวว่า NCPได้กำหนดราคาขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 27.78 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ โดยกำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่ 2.00 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่าเสนอขาย 100 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ หรือ Price to Earnings Ratio : P/E เท่ากับ 28.14 เท่า นับเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง สอดคล้องกับสภาวะของตลาดในปัจจุบันและอัตราการเติบโตของบริษัทในอนาคต ถือว่ามีความเหมาะสมสำหรับนักลงทุน โดยจะเปิดให้จองซื้อหุ้นในวันที่ 19 และ 23-24 กรกฎาคม 2567 และมั่นใจว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก

เช่นเดียวกับ นางสาวออมสิน ศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนร่วม กล่าวว่า ด้วยจุดเด่นของ NCP ที่ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์และประสบการณ์ด้านการขายทางโทรศัพท์มากว่า 20 ปี มีความความเข้าใจในธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างลึกซึ้ง มีพนักงานขายสินค้าทางโทรศัพท์ที่เชี่ยวชาญ มีฐานข้อมูลลูกค้าเป้าหมายของบริษัทมากกว่า 5 ล้านรายชื่อ รวมถึงมีข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในการจัดหาบุคลากร ทำให้ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจให้การยอมรับ โดยปัจจุบัน NCP มีคู่ค้าพันธมิตรมากกว่า 42 ราย มีผลิตภัณฑ์จัดจำหน่ายมากกว่า 57 แบรนด์ สินค้า รวม 203 รายการ แบ่งเป็น สินค้าของคู่ค้าพันธมิตร 182 รายการ และสินค้า House Brand ของบริษัท 21 รายการ พร้อมมองว่า อัตราการเติบโตธุรกิจ E-Commerce ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว นับเป็นโอกาสและปัจจัยสนับสนุนให้ธุรกิจ NCP ก้าวกระโดดสู่การเติบโตที่ยั่งยืน

ขณะที่ นายศรัณย์ เวชสุภาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไนซ์ คอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCP เปิดเผยว่า เงินที่ได้รับจากการเสนอขายหลักทรัพย์จะนำไปใช้เพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ เช่น การก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ จำนวน 30 ล้านบาท ภายในไตรมาส 1 ปี 2568, ก่อสร้างสถานที่ทำงานในเรือนจำ จำนวน 10 ล้านบาท ภายในปี 2569, พัฒนาระบบเทคโนโลยีซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจใหม่และพัฒนาระบบเครือข่ายเพื่อรองรับการเพิ่มจำนวนพนักงาน จำนวน 5 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2568 และเป็นเงินทุนหมุนเวียน นับเป็นการเพิ่มศักยภาพ และขีดความสามารถ ที่จะช่วยเสริมสร้างการเติบโตของ NCP ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน 

นอกจากนี้ กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ได้ทำสัญญากับบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก เพิ่มเติม เพื่อขอล็อคหุ้นในสัดส่วนที่เหลือจากการติด Silent period เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยงดการเสนอขาย หรือโอนด้วยวิธีการใดๆ นับแต่วันที่หุ้นเริ่มซื้อขาย (Lock-Up) เพื่อแสดงความจริงใจและสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดแก่นักลงทุน 

การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) ครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการดำเนินธุรกิจของทีมผู้บริหาร เพื่อมุ่งสู่ผู้นำในธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ (Telesales), ธุรกิจการให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายครั้งแรก (Upselling Service) และธุรกิจการให้บริการบริหารพนักงานขาย (Dedicated Telesale Outsourcing) ที่พร้อมรองรับการเติบโตของตลาด E-Commerce อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นการที่ Telesales สามารถตอบโจทย์การให้บริการในทุกธุรกิจ ช่วยสร้างรายได้และทำกำไรให้กับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง NCP จึงเปรียบเสมือนเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่เข้าไปสนับสนุน Digital Transformation เพื่อให้การดำเนินธุรกิจและการให้บริการลูกค้าเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 

“การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) นับเป็นก้าวสำคัญในการต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดย NCP พร้อมมุ่งมั่นขยายธุรกิจทางด้าน Telesales เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์และการบริการของบริษัท แบบ One Stop Service ที่ครอบคลุมทุกความต้องการให้กับพันธมิตรธุรกิจในทุกมิติ” นายศรัณย์ กล่าว

Share post:

spot_img

Related articles

แนะรัฐบาลขึ้นภาษี VAT พาเศรษฐกิจพ้นหายนะ 

อดีต รมว.คลัง แนะรัฐบาลใหม่ขึ้นภาษี VAT เพิ่มรายได้ประเทศแสนล้าน พาเศรษฐกิจพ้นหายนะ

ครม.สืบสันดาน ถูกต้องเหมาะสมแล้ว

“นายเทพไท เสนพงศ์” บอก ครม.สืบสันดาน ถูกต้องเหมาะสมแล้ว

รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง จะรอดข้ามปีมั้ย???

“นายเทพไท เสนพงศ์” ตั้งข้อสังเกต รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง จะรอดข้ามปีมั้ย???

ทีทีบี ออกมาตรการสินเชื่อช่วยเหลือลูกค้าน้ำท่วม

ทีทีบี ออกมาตรการ “ตั้งหลัก” ช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ปรับโครงสร้างหนี้ และขยายเวลาผ่อนชำระนานสูงสุด 6 เดือน

Notice: ob_end_flush(): Failed to send buffer of zlib output compression (0) in /home/ozapeumy/public_html/wp-includes/functions.php on line 5427