ดร. สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2567 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567  โดยมีรายได้รวมเท่ากับ  2,346.18 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 1,813.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 532.62 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29.37%  จากผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นทั้ง รายได้ส่วนงานขายสินค้า รายได้จากการขายไฟ รวมถึงรายได้จากกลุ่มงานก่อสร้างและการให้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างมีสาระสำคัญ  และมีกำไรสุทธิ 461.87 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ  451.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.16 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.25%   

ขณะที่รายได้จากการขาย 666.51 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันกับปีก่อน 366.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 300.49 ล้านบาท หรือคิดเป็น 82.10% ส่วนรายได้จากการก่อสร้างและให้บริการเท่ากับ 942.40 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 576.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 365.99 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63.49% และมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า 221.44 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 190.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.30 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16.46%

จากการที่ผลการดำเนินงานที่ยังอยู่ในทิศทางที่ดี คณะกรรมการบริษัท จึงได้มีมติอนุมัติให้จ่ายปันผลระหว่างกาล สำหรับงวด 6 เดือนแรกปี 2567 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567) ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท  หรือเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ที่ 4% โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 20 สิงหาคม 2567 ให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 21 สิงหาคม 2567 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 5 กันยายน 2567 

“จะเห็นได้ว่าครึ่งปีที่ผ่านมากลุ่มเทรดดิ้งอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าของบริษัทเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาถึง  82% ขณะที่งานรับเหมาก่อสร้างเติบโตกว่าปีที่แล้ว 72%  ส่วนธุรกิจพลังงานรายได้ใกล้เคียงกับปีก่อน ส่งผลทำให้รายได้และกำไรไตรมาส 2/2567  เติบโตอย่างโดดเด่น” ดร. สมบูรณ์กล่าวในที่สุด

บริษัทฯ มีเป้าหมายการเติบโตในช่วง 3-5 ปี ไม่ต่ำกว่า 15% จากการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนที่ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเรียบร้อยแล้วกว่า 832 เมกะวัตต์ รวมถึงโครงการพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศที่จะเพิ่มเติมในอนาคต นอกจากนี้ยังมีส่วนของ Backlog งานขายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า และงานบริการก่อสร้างที่มีอยู่ กว่า 5,000 ล้านบาท คาดว่าบริษัทฯจะมีการใช้เงินลงทุนในส่วนทุนไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนยังอยู่ในระดับต่ำ พร้อมรองรับการเติบโตในอนาคต