มิลล์คอน สตีล เพิ่มทุนขายพีพี 462 ล้านหุ้น

Date:

นายประวิทย์ หอรุ่งเรือง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด(Private Placement) จำนวน 462 ล้านหุ้น โดยกำหนดราคาเสนอขายหุ้นละ 0.79 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 364.98 ล้านบาท ซึ่งราคาที่เสนอขายเป็นราคาไม่ต่ำกว่าราคา 90% ของราคาตลาดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักต่อหุ้นของหุ้นสามัญของบริษัท โดยมติดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากมติที่ประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 ทั้งนี้บริษัทได้กำหนดระยะเวลาการชำระเงินภายในวันที่ 16 – 31 สิงหาคม 2565

สำหรับรายชื่อนักลงทุนที่ได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง ประกอบด้วย 1. นายธัญชาติ กิจพิพิธ 2.นายสุระ คณิตทวีกุล 3.นายแพทย์พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี 4.นายทวีศักดิ์ ตั้งเด่นไชย และ 5.นายณรงค์ชัย สิมะโรจน์

นายประวิทย์ กล่าวว่า การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัดครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลัก นำเงินเพิ่มทุน ไปลงทุนขยายกิจการที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคมและการกำกับดูแลหรือESG ซึ่งก็สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของกลุ่ม MILL ที่ยึดแนวทางการดำเนินธุรกิจแบบเศรษฐกิจหมุนเวียนหรือ Circular Economy ทำธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดโลกร้อน นอกจากนี้ก็ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

“การเพิ่มทุนขาย PP นอกจากจะทำให้ฐานะการเงินของกลุ่ม MILL มีความแข็งแกร่งแล้ว ยังช่วยส่งเสริมศักยภาพการลงทุน ทำให้บริษัทมีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจสูงขึ้น และนักลงทุนกลุ่มที่ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน PP เป็นนักลงทุนทั่วไป ที่ต้องการลงทุนในหุ้นที่ทำธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคมและการกำกับดูแลหรือธรรมาภิบาล(ESG) ”นายประวิทย์ กล่าว

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 53 ล้านบาท ลดลง 12 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในไตรมาส2 ปี 2565 บริษัทมีค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดขึ้นจาก 2 ส่วนคือ การขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมตามมูลค่าตลาดของบริษัทร่วมทุนจำนวน 47 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการหยุดผลิตจำนวน 22 ล้านบาท ซึ่งหากไม่นับรวมค่าใช้จ่ายพิเศษดังกล่าวบริษัทจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 122 ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการในไตรมาส2 ปี 2565 อยู่ที่ 4,822 ล้านบาท ลดลง 4.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2564 เนื่องจากปริมาณการขายโดยรวมที่ลดลง ขณะที่ต้นทุนขายและบริการอยู่ที่ 4,571 ล้านบาท ลดลง4.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามปริมาณการขายที่ลดลง ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 250 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา

นายประวิทย์ ยังได้กล่าวถึงภาพรวมอุตสาหกรรมเหล็กในช่วงไตรมาส 2 ปี 2565 ว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย แต่อุตสาหกรรมเหล็กในประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ตึงเครียดมากขึ้น ทำให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่สูง ส่งผลให้อุปสงค์ของภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่องชะลอตัวลง รวมถึงการผลิตและบริโภคของผลิตภัณฑ์เหล็ก

จากข้อมูลของสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ในช่วงไตรมาสที่2/2565 พบว่า ประเทศไทยมีปริมาณการบริโภคเหล็กสำเร็จรูปรวมทั้งสิ้น 4.74 ล้านตัน ลดลง 8.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นการบริโภคเหล็กทรงยาวอยู่ที่ 1.75 ล้านตัน เพิ่มขึ้น0.8 % จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และการบริโภคเหล็กทรงแบนอยู่ที่ 2.99 ล้านตัน ลดลง 13.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนหน้า

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

กต. แถลง วงประชุม JBC วันแรก บรรยากาศเป็นไปด้วยดี

กต. แถลง วงประชุม JBC วันแรก บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ยืนยันไทยไม่รับอำนาจศาลโลก ต้องพูดคุยผ่านทวิภาคีเท่านั้น

“พิชัย” ลุย ปลื้มชาวมาเลย์ชอบสินค้าไทย

“พิชัย”ลุย Lotus’s กรุงกัวลาลัมเปอร์ ปลื้มชาวมาเลย์ชอบสินค้าไทย เดินหน้าดันสินค้าเจาะตลาดโมเดิร์นเทรดในมาเลเซีย

สำนักงาน คปภ. เปิดเวทีเสริมสร้างความรู้บุคลากร

สำนักงาน คปภ. เปิดเวทีเสริมสร้างความรู้บุคลากร หลักและวิธีการบังคับใช้กฎหมาย ว่าด้วยการประกันภัย ทางอาญา ทางปกครอง และทางพินัย