นายสัตวแพทย์ธนวัฒน์ คงเจริญสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “BIS ได้เปิดกลยุทธ์ธุรกิจใหม่ คือ ขยายธุรกิจด้านสัตว์เลี้ยง (Pet Business) ให้เติบโตอย่างมั่นคง เพื่อเสริมธุรกิจหลักทางด้านปศุสัตว์ซึ่งสร้างรายได้กว่า 90% ของรายได้รวม โดย บริษัทฯ ได้ผสมผสานจุดแข็งของบริษัทฯ คือความเชี่ยวชาญด้านสัตว์แพทย์ ด้านการวิจัยพัฒนา เข้ากับความเชี่ยวชาญด้านการตลาดการขาย และเครือข่ายลูกค้าโรงพยาบาลสัตว์และคลินิครักษาสัตว์ทั่วประเทศกว่า 1,000 แห่ง เพื่อผลักดันให้ ธุรกิจสัตว์เลี้ยง เติบโตได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่อง
“ BIS เตรียมเปิดตัว กลุ่มผลิตภัณฑ์ “Canna BIS” ผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยงผสม CBD สำหรับสุนัข และแมว ซึ่งเป็นการคิดค้นพัฒนาสูตรโดยอาจารย์สัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน CBD ในสัตว์ ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยการผสมสารสกัด CBD ที่คัดคุณภาพได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ทำให้ผลิตภัณฑ์มีสรรพคุณในการลดการอักเสบ ช่วยเรื่องโรคผิวหนัง โรคภูมิแพ้ อาการคันเรื้อรัง และอื่นๆอีกมากมาย รวมทั้งโรคมะเร็งในสุนัขและแมวได้อีกด้วย โดย BIS ได้มีการทำ MOU วิจัยพัฒนาร่วมกับ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดย “Canna BIS” ผลิตภัณฑ์ผสม CBD สำหรับสุนัข และแมว เป็นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม เน้นคุณภาพสูง ตรวจสอบย้อนกลับได้ และเป็นรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับสัตว์โดยเฉพาะ ตอบโจทย์การรักษาและดูแลสัตว์เลี้ยงให้กับสัตวแพทย์และเจ้าของสัตว์เลี้ยง ที่ให้สำคัญกับการดูแลสุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดีของสัตว์เลี้ยง โดยผลิตภัณฑ์กลุ่มแรกที่จะออกมาประกอบด้วย 1.แชมพู Canna BIS Hypoallergenic 2.แชมพู Canna BIS Anti-itch 3.โฟมอาบน้ำแห้ง Canna BIS และ 4.Canna BIS CBD Isolated Oil โดยคาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงไตรมาส 4 ปี 2565
นายสัตวแพทย์ปรเมศวร์ ขำภักตร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ BIS ได้เตรียมแผนการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ Canna BIS โดยใช้จุดแข็งที่บริษัทฯมีฐานลูกค้าเดิมของบริษัท คือเครือข่ายโรงพยาบาลสัตว์และคลินิครักษาสัตว์ทั่วประเทศกว่า 1,000 แห่ง ซึ่งมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ดี และ ทีมงานของบริษัทฯเป็นสัตว์แพทย์ จึงมีความเข้าใจความต้องการของสัตว์แพทย์เจ้าของโรงพยาบาลและคลินิคสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างดี นอกจากนี้ BIS เตรียมแผนงานประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างแบรนด์ สร้างการรับรู้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงเข้าใจและมั่นใจในคุณภาพของ ผลิตภัณฑ์ Canna BIS และ มีความเชื่อมั่นว่า จะได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดี ปัจจุบันตลาดสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตค่อนข้างสูงทั้งในประเทศอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มผลิตภัณฑ์ Canna BIS เป็นผลิตภัณฑ์ผสม CBD สำหรับสัตว์เลี้ยงแบรนด์แรกของไทย ที่พัฒนาสูตรโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ มีการวิจัยเพื่อยืนยันประสิทธิภาพ มีกระบวนการการผลิตที่ได้มาตรฐานสากลและจำหน่ายถูกต้องตามกฎหมาย โดยผลิตจากฟาร์มกัญชงที่ได้รับใบอนุญาติในการปลูกและจำหน่ายที่ถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข และผ่านการสกัดสาร CBD โดยโรงสกัดสารที่ได้รับใบอนุญาติโรงสกัดจากกระทรวงสาธารณสุข และผลิตโดยโรงงานที่มีมาตรฐานสากล GMP ทำให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ Canna BIS มีคุณภาพสูง ระดับเดียวกันกับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ CBD ชั้นนำของต่างประเทศ ซึ่งกฎหมายไทยไม่อนุญาตให้นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศ ทำให้เป็นโอกาสในการสร้างแบรนด์ของไทย ซึ่งจากการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาการใช้ประโยชน์พืชกัญชง กัญชา พบว่าสรรพคุณจากสาร CBD (cannabidiol) เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจของสัตว์เลี้ยง อาทิ ช่วยบรรเทาอาการจากโรคต่างๆ ลดความเจ็บปวดและการอักเสบ ลดความเครียด ความวิตกกังวล ไปจนถึงการช่วยบำรุงสุขภาพผิวและขน นอกจากพัฒนาสินค้าปศุสัตว์เเละสัตว์เลี้ยงแล้ว BIS ยังมองไปถึงการรักษาและยกคุณภาพชีวิตในสัตว์แบบครบวงจรอีกด้วย เพราะนี่คือกลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีเทรนด์กำลังเติบโตทั่วโลก ซึ่ง BIS ได้มุ่งมั่นในการทำงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน เพื่อไปยังจุดมุ่งหมายของการเตรียมก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านไบโอเท็คของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน”
ล่าสุด บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) รายงงานผลประกอบการ ไตรมาส 2 ของปี 2565 BIS มีรายได้รวม 502 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากรายได้รวม 492 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2 ปี 2564 และมีกำไรสุทธิ 13.2 ล้านบาท ลดลงจากกำไรสุทธิ 21.5 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักที่กำไรสุทธิที่ปรับตัวลงเนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรทั่วโลก ทำให้จำนวนประชากรสุกรในไทยลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญในปีที่ผ่านมา ความต้องการและกำลังซื้อของลูกค้าสำหรับสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ยาและวัคซีนสัตว์ ลดลงทำให้ในไตรมาส 2 บริษัทฯ ต้องลดราคาเพื่อระบายสต็อคสินค้าที่ใกล้หมดอายุ จึงทำให้มีอัตรากำไรน้อยลง แต่ทั้งนี้เป็นการได้รับผลกระทบเพียงชั่วคราวเท่านั้น