บมจ. ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (TGE) เริ่มซื้อขาย 19 ส.ค. นี้

Date:

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มทรัพยากร หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า “TGE” ในวันที่ 19 สิงหาคม 2565

TGE เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 3 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 29.7 เมกะวัตต์ โดยใช้วัตถุดิบหลักคือ ทะลายปาล์มเปล่า เส้นใยปาล์ม และวัสดุเหลือใช้จากการเกษตรกรรม ตั้งอยู่ที่อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และมีโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 3 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 22 เมกะวัตต์

TGE มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 1,100 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 1,600 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) 600 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนสถาบัน ผู้มีอุปการคุณของบริษัท และกรรมการ ผู้บริหาร พนักงานบริษัทและบริษัทย่อย ในระหว่างวันที่ 9-11 สิงหาคม 2565 ในราคาหุ้นละ 2.00 บาท มูลค่าระดมทุนรวม 1,200 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 4,400 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ

ดร. ศักดิ์ดา ศิริภัทรโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยสนับสนุนให้บริษัทดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจและการลงทุนที่เกี่ยวกับพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกใหม่ๆ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งของโรงไฟฟ้าในกลุ่มบริษัทให้มากกว่า 100 เมกะวัตต์ ภายในปี 2570 รวมทั้งเปิดโอกาสในการแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจที่สามารถสร้างการเติบโตและผลกำไรอย่างยั่งยืน โดยเงินส่วนใหญ่จากการระดมทุนในครั้งนี้ จะนำไปใช้ในการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 3 แห่งที่อยู่ระหว่างพัฒนา โดยคาดว่าจะเปิดดำเนินการภายในปี 2567

TGE จะมีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ ครอบครัววนสุวรรณกุล ถือหุ้น 72.7% และ TGE มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคล การจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย และภาระผูกพันตามเงื่อนไขของสัญญาเงินกู้ โดยพิจารณาจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท และขึ้นอยู่กับผลประกอบการ ฐานะการเงิน สภาพคล่องทางการเงิน และความจำเป็นในการใช้เงินเพื่อบริหารกิจการ และการขยายธุรกิจของบริษัท รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

เซ็นทรัล รีเทล ลุยโครงการ Easy E-Receipt

เซ็นทรัล รีเทล ผนึกธุรกิจในเครือ อัดโปรฯ แน่น ช้อปคุ้ม 3 ต่อ พร้อมลุยโครงการ Easy E-Receipt

บมจ.ไทย โคโคนัท เสริมความแข็งแกร่งด้านแหล่งวัตถุดิบ

บมจ.ไทย โคโคนัท เดินทางฟิลิปปินส์ เสริมความแข็งแกร่งด้านแหล่งวัตถุดิบ เพื่อโอกาสทางธุรกิจ

บมจ.บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป พร้อมเข้า เอ็ม เอ ไอ

บมจ.บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป ประกาศความพร้อมระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ

สรรพากร ลดภาษีนิติฯ เหลือ 10% นาน 10 ปี

สรรพากรลดภาษีนิติฯ เหลือ 10% นาน 10 ปี ดึงลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษ