ก.ล.ต. ปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

Date:

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อเพิ่มการคุ้มครองสิทธิและความเป็นธรรมระหว่างสมาชิก เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการกองทุนและการบริหารความเสี่ยง รวมถึงยกระดับการกำกับดูแลกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้เหมาะสมกับบริบทในปัจจุบัน โดยมุ่งหวังให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นกลไกการออมการลงทุนระยะยาวที่สำคัญเพื่อรองรับการเกษียณ

ก.ล.ต. ปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อให้สมาชิกกองทุนได้รับความคุ้มครองที่เป็นธรรมและโปร่งใส ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและคำนึงถึงประโยชน์ของสมาชิกกองทุนโดยรวมเป็นสำคัญ และการกำกับดูแลกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีความเหมาะสมกับบริบทในปัจจุบัน โดยมีสาระสำคัญดังนี้

(1) การปรับปรุงระบบงานที่เกี่ยวข้องกับการสับเปลี่ยนนโยบายการลงทุน

     – กำหนดเงื่อนไขการสับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนของสมาชิกได้ปีละไม่เกิน 4 ครั้งต่อกอง หากกำหนดเกิน 4 ครั้ง ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด

     – กรณีมีเงินเข้ากองทุนในวันที่ไม่ตรงกับวัน trade date ให้ บลจ. นำเงินเข้าบัญชีของกองทุนโดยไม่ชักช้า เพื่อนำไปบริหารจัดการ และคำนวณจำนวนหน่วยให้แก่สมาชิกต่อไป

     – กำหนดวันที่มีผลของการเพิ่มหรือลดจำนวนหน่วยให้แก่สมาชิก และวันดำเนินการคำนวณจำนวนหน่วย แยกออกจากกันให้ชัดเจน และขยายเวลาวันดำเนินการคำนวณจำนวนหน่วยกรณีลงทุนในต่างประเทศ เป็นไม่เกิน 5 วันทำการนับแต่วันที่ใช้ในการคำนวณจำนวนหน่วย โดยไม่นับรวมวันหยุดทำการของต่างประเทศและวันหยุดทำการของกองทุนรวมไทย

     – ในการจัดทำรายงานสถานะการลงทุนของสมาชิก ให้ บลจ. แสดงจำนวนหน่วยของสมาชิก ณ วันสิ้นงวด อย่างถูกต้องและสะท้อนความเป็นจริง โดยให้กำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมที่จะไม่รับทำรายการสับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนหรือโอนย้ายกองทุน เพื่อให้สามารถแสดงสถานะการลงทุนของสมาชิกได้อย่างถูกต้อง

(2) แนวทางการบริหารและจัดการความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง โดยให้ บลจ. จัดให้มีแนวทางและเครื่องมือในการบริหารและจัดการความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Liquidity Risk Management Tools: LMTs) ทั้งกรณีทั่วไปและที่เกิดจากการสับเปลี่ยนนโยบายการลงทุน เพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาความเสี่ยงด้านสภาพคล่องที่อาจเกิดขึ้น โดยให้ บลจ. เลือกใช้ตามความจำเป็น ให้เหมาะสมกับสภาพของกองทุนและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

(3) การกำหนดให้ผู้รับฝากทรัพย์สินทำหน้าที่รับรองมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

     – ยกเลิกการกำหนดให้ บลจ. ต้องจัดให้มีผู้รับรองมูลค่าในการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

     – การให้ความเห็นชอบผู้รับฝากทรัพย์สิน กรณีจะเก็บรักษาทรัพย์สินของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต้องมีความพร้อมในด้านระบบงาน

     – เพิ่มหน้าที่ให้ผู้รับฝากทรัพย์สินที่เก็บรักษาทรัพย์สินของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพโดยต้องทำหน้าที่รับรอง NAV ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

     – ผู้รับฝากทรัพย์สินที่เก็บรักษาทรัพย์สินของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ต้องปฏิบัติงานการรับรองความถูกต้องของ NAV ของวัน trade date และของวันสุดท้ายของเดือน และจัดส่งข้อมูลดังกล่าวที่ได้รับรองแล้วให้แก่ บลจ. ภายในวันทำการถัดจากวันที่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับ NAV ครบถ้วน

     – ผู้รับฝากทรัพย์สินในปัจจุบันที่เป็นผู้รับรองมูลค่า ไม่ต้องดำเนินการใด ๆ เพิ่มเติม อย่างไรก็ดี กรณีผู้รับฝากทรัพย์สินในปัจจุบัน ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้รับรองมูลค่า หรือยังไม่ได้ให้บริการรับฝากทรัพย์สินของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หากต้องการให้บริการ ต้องแจ้ง ก.ล.ต. เพื่อพิจารณาความพร้อมด้านระบบงานเพิ่มเติม

ทั้งนี้ การปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 16 ธันวาคม 2567 และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป เว้นแต่หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการสับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนของกองทุน และการกำหนดแนวทางและการใช้ LMTs  มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

CHAGEE เปิดตัวน้อน “Bes-tea Plushies”

น่ารักเกินกว่าจะยกดื่ม! CHAGEE เปิดตัวน้อน “Bes-tea Plushies” คู่หูสุดคิ้วท์ ชวนจุ่มทั้งคอลเลคชันกับดีลพิเศษคู่เมนูฮิตจำนวนจำกัด 18 - 24 ก.ค. 2568 นี้ เท่านั้น!

ออมสิน ชวนเข้าโครงการสินเชื่อสร้างเครดิต 

ออมสิน ชวนเข้าโครงการสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส ปลดล็อกอนุมัติกู้ให้ทุกอาชีพที่ไม่เคยกู้เงินแบงก์

ธ.ก.ส. ชวนฝากสลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดมังกรหยก

ธ.ก.ส. ชวนฝากสลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดมังกรหยก ลุ้นจุ่ม Art Toy AGRI ANIMAL ในงาน Thailand Smart Money อุบลราชธานี ครั้งที่ 11

“เผ่าภูมิ” ยันไทยไม่ลดภาษี 0% ทั้งหมดให้สหรัฐฯ

“เผ่าภูมิ” ยันเป็นไปได้ที่ไทยจะลดภาษี 0% ให้สหรัฐฯ แบบ100% ยันต้องพิจารณาบนหลักความสมดุล ย้ำผู้ชนะไม่ใช่คนที่ได้เรตภาษีต่ำที่สุด