นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงพาณิชย์ โดย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นำโดย นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) นำโดย นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและโครงการกลยุทธ์ ตลท.ได้ร่วมหารือถึงรูปแบบการนำส่งรายงานประจำปี (56-1 one report) ที่บริษัทมหาชนจำกัดในตลาดหลักทรัพย์ ต้องนำส่งให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ก.ล.ต. และ ตลท. เมื่อสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-One Report เพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ภาคธุรกิจ ทั้งกระบวนการทางกฎหมาย/กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และระบบการจัดเก็บเอกสารของทั้ง 3 หน่วยงาน
เบื้องต้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ก.ล.ต. และ ตลท. ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของทั้ง 3 หน่วยงาน ร่วมกันศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม และเข้าหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) รวมทั้ง หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อรวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนเสนอรูปแบบการนำส่งรายงานประจำปีในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-One Report ให้ทั้ง 3 หน่วยงานร่วมกันพิจารณาอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน เพื่อลดระยะเวลาและขั้นตอนการทำงานของภาคธุรกิจและของทั้ง 3 หน่วยงานอีกด้วย
การหารือครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะได้มีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยให้ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการได้รับความสะดวก รวดเร็ว ในการติดต่อทำธุรกรรม และเข้าถึงการบริการของภาครัฐที่ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการลดต้นทุนทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจ ส่งเสริมการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พัฒนาสภาพแวดล้อมให้ง่ายต่อการประกอบธุรกิจ พร้อมร่วมขับเคลื่อนธุรกิจไทยสู่การเป็นองค์กรเพื่อความยั่งยืน สอดรับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นรัฐบาลดิจิทัล
ทั้งนี้ แบบ 56-1 One Report คือ รายงานประจำปีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนต้องนำส่งต่อ ก.ล.ต. ภายใน 3 เดือนนับตั้งแต่วันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชี โดยประกอบด้วยข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจภาพรวมและทิศทางการดำเนินธุรกิจมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องลักษณะการดำเนินธุรกิจ การวิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาส ผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงิน ซึ่งครอบคลุมถึงข้อมูลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Environmental, Social and Governance หรือ ESG) ของบริษัท สะท้อนถึงการทำธุรกิจบนพื้นฐานของการกำกับดูแลกิจการที่ดี คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียต่าง ๆ เพื่อความสามารถในการเติบโตในระยะยาว” อธิบดีอรมน กล่าวทิ้งท้าย