PRAPAT แจ้งงบ Q2/65 กวาดรายได้รวมเกือบ 250 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3.89 ล้านบาท เติบโต 1,097%
นายวีระพงค์ ลือสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ “PRAPAT” ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำยาซักรีด น้ำยาทำความสะอาดและฆ่าเชื้อสำหรับภาคอุตสาหกรรม เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ปี 2565 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ว่าบริษัทฯ มีรายได้รวม 229.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.17 ล้านบาท หรือ 28.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีรายได้จากการขายและบริการรวม 227.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.38 ล้านบาท หรือ 28.43% และรายได้อื่นๆ 2.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.78 ล้านบาท หรือ 57.89% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 3.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.57 ล้านบาท หรือ 1,097% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย รวมถึงภาคการท่องเที่ยวและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศ
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า บริษัทฯ มีรายได้หลักจากการขายอยู่ที่ 185.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.89 ล้านบาท หรือ 29.16% ขณะที่ รายได้จากการให้เช่าและบริการอยู่ที่ 42.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.49 ล้านบาท หรือ 25.31% จากกลุ่มลูกค้าโรงแรมและลูกค้าร้านอาหารที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
“หลังภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้สถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศมีทิศทางที่ดีและส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มหลักของบริษัทฯ กลับมาขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศ รวมถึงกลุ่มธุรกิจสายการบิน อุตสาหกรรมอาหาร โรงพยาบาล และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง นับเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มยอดขายและการให้บริการของบริษัทฯ จึงมั่นใจว่าทิศทางธุรกิจในครึ่งปีหลังจะเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่อง โดยบริษัทได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 เพิ่มขึ้นอีก 30%” นายวีระพงค์ กล่าว
นายวีระพงค์ ลือสกุล กล่าวต่อว่า ในฐานะผู้นำเทคโนโลยี Cleaning Hygiene Solutions กลุ่มธุรกิจ Hospitality & Food Industry ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทฯ ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการนำผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเทคโนโลยีชีวภาพ แบรนด์ InnuScience จากประเทศแคนาดา เพื่อตอบโจทย์กระแสรักษ์โลก และได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค โดยบริษัทฯ คาดว่าจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทยอยออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสำหรับแผนการขยายการลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV (ประเทศกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) เพิ่มมากขึ้น เพื่อตอกย้ำเป้าหมายการก้าวสู่ผู้นำด้านเทคโนโลยี Cleaning Hygiene Solutions ของอาเซียน ภายใน 5 ปี