MFC เปิดตัว 4 กองทุน “Thai ESGX” ขาย IPO 2–8 พ.ค. 68

Date:

นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)  หรือ MFC ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการกองทุนคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ  เปิดเผยว่า บลจ.เอ็มเอฟซี ได้จัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX หรือ Thai ESG Extra) รองรับมาตรการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีใหม่ของ   ปี 2568 ซึ่งกระทรวงการคลังสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่ม ESG และเพิ่มเสถียรภาพตลาดทุนไทย โดยเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนทั้งหมดไปยังกองทุน Thai ESGX สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 500,000 บาท และเปิดโอกาสให้ลงทุนใหม่ได้อีก 300,000 บาท ภายในเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 2568 นี้ เท่านั้น

นายธนโชติ กล่าวว่า บลจ.เอ็มเอฟซี เปิดตัวกองทุน Thai ESGX จำนวน 4 กองทุน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนทุกกลุ่มตามระดับความเสี่ยง ประกอบด้วย กลุ่มกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน ได้แก่ 1.กองทุนเปิด     เอ็มเอฟซีตราสารทุนไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (MEQUITY-Thai ESGX), 2.กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (HIDIV-Thai ESGX),  3.กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี FTSE ชะรีอะฮ์ อินเวสเมนท์ ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (MIF-Thai ESGX) และ 4.กองทุนผสม ได้แก่ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีผสมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (MIX-Thai ESGX) กำหนดเสนอขาย IPO ครั้งแรก 2-8 พ.ค. นี้

สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุนกลุ่มหุ้นยั่งยืน ได้แก่  MEQUITY-Thai ESGX  , HIDIV-Thai ESGX และ MIF-Thai ESGX เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืนใน SET หรือ mai ในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ที่ได้รับการคัดเลือกจาก SET ว่ามีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) หรือด้านความยั่งยืน (Environmental, Social and Governance: ESG) มีการเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แผนการจัดการและการตั้งเป้าหมายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ที่ผ่านการทวนสอบการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์โดย      ผู้ทวนสอบ มีบรรษัทภิบาล (Governance: G) ในระดับดีเลิศ ซึ่งต้องได้รับ CGR ซึ่งจัดทำโดย IOD ตั้งแต่ 90 คะแนนเป็นต้นไป มีการเปิดเผยเป้าหมายและแผนการเพิ่มมูลค่าบริษัท (Corporate Value Up Plan) การยกระดับการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและมีการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามแผน 

ปัจจุบันมีหุ้นในตลาด ที่โดดเด่นด้าน E หรือ ESG จำนวน 228 แห่งและมีการเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมทั้งผ่านการทวนสอบจำนวน 161 แห่ง ส่วนที่เหลืออาจลงทุนในโทเคนดิจิทัลเพื่อส่งเสริมความยั่งยืน รวมถึงหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. ประกาศกำหนดให้ลงทุนได้ 

“จุดเด่นของกองทุน MEQUITY-Thai ESGX เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืนใน SET หรือ mai ขณะที่กองทุน HIDIV-Thai ESGX เน้นลงทุนหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ และมีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นในอนาคต       ส่วนกองทุน MIF-Thai ESGX เน้นลงทุนในหุ้นซึ่งผ่านเกณฑ์การคัดเลือกตามหลักศาสนาอิสลามและเป็นหุ้นกลุ่มความยั่งยืนใน SET หรือ mai โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยทั้ง 3 กองทุนมีระดับความเสี่ยง 6” นายธนโชติ กล่าว

ส่วนกองทุน  MIX-Thai ESGX  เป็นกองทุนผสม ซึ่งมีระดับความเสี่ยง 5 ลงทุนในตราสารทุน ตราสารหนี้ และ/หรือเงินฝาก ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืน ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืนใน SET หรือ mai โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV นอกจากนี้ ทั้ง 4 กองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผล ไม่เกินปีละ 1 ครั้ง 

ทั้งนี้ กองทุน Thai ESGX มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินที่ออกโดยผู้ออกหรือกิจการในประเทศไทยที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ตามหลักเกณฑ์เดียวกันกับกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืนใน SET หรือ mai โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV 

สำหรับผู้สนใจลงทุนกองทุน Thai ESGX ผู้ถือหน่วยลงทุน LTF เดิม สามารถแจ้งความประสงค์ในการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนมากองทุน Thai ESGX เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีวงเงินใหม่สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท       (ปีที่ 1 ไม่เกิน 300,000 บาท ส่วนปีที่ 2 – 5 ลดหย่อนปีละเท่า ๆ กัน โดยไม่เกินปีละ 50,000 บาท) โดยผู้ถือหน่วยลงทุนต้องแจ้งความประสงค์ในการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 13 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568 

ส่วนเงินลงทุนใหม่เฉพาะปี 2568 สำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนที่ใช้เงินลงทุนใหม่ในการสั่งซื้อหน่วยลงทุนกองทุน Thai ESGX เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีวงเงินใหม่ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท โดยผู้ถือหน่วยลงทุนต้องลงทุนในหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 2 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568  

สำหรับเงินลงทุนใหม่หลังปี 2568 สำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนที่ใช้เงินลงทุนใหม่ในการสั่งซื้อหน่วยลงทุนกองทุน Thai ESGX เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีวงเงินเดียวกับกองทุน Thai ESG โดยผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถลงทุนในหน่วยลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป 

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

นายกฯ แจงเซ็น MOU แรร์เอิร์ธ อยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญไทย

นายกฯ แจงเซ็น MOU แรร์เอิร์ธ อยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญไทย เชื่อสามารถพัฒนาเทคโนโลยีไทยได้

เจาะลึกเส้นทางของ “ทองคำ” โลหะล้ำค่าใต้ผืนดิน

เจาะลึกเส้นทางของ “ทองคำ” โลหะล้ำค่าใต้ผืนดิน แร่สำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโลก

ธอส.เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี

ธอส.เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปในการทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน 

นายกฯ  ชู 3 แนวทาง ยกระดับความร่วมมืออาเซียน–เกาหลี 

นายกฯ กล่าวถ้อยแถลง ชู 3 แนวทางยกระดับความร่วมมืออาเซียน–เกาหลี  ร่วมต้านภัยความมั่นคงรูปแบบใหม่ มุ่งหน้าสู่อนาคตดิจิทัลสีเขียว