เมื่อเร็วๆ นี้ ศ.ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล ประธานกรรมการ พร้อมด้วยคณะกรรมการ และผู้บริหาร บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานอัจฉริยะกลุ่ม ปตท. เดินทางไปศึกษาดูงานเทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก หรือ SMR (Small Modular Reactor) ณ สาธารณรัฐเกาหลี โดยได้รับการต้อนรับจากคณะผู้บริหาร บริษัท Saltfoss Energy (ชื่อเดิม Seaborg Technologies) บริษัท Samsung Heavy Industries (SHI) และ บริษัท Korea Hydro & Nuclear Power (KHNP) พร้อมทั้งรับฟังการบรรยายสรุปผลการศึกษาเบื้องต้น จากความความร่วมมือในการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่าง GPSC และพันธมิตรทางธุรกิจทั้งสามราย และแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี SMR ในยุคอนาคตหรือ SMR Generation IV ที่มีความปลอดภัยสูงสุด
เทคโนโลยี SMR ของบริษัท Saltfoss Energy เป็นเทคโนโลยี CMSR (Compact Molten Salt Reactor) ที่ได้รับการออกแบบและติตตั้งอยู่บนเรือ (Power Barge) มีกำลังการผลิตติดตั้งขนาด 200-800 เมกะวัตต์ ใช้สารละลายเกลือ molten salt ผสมเป็นเชื้อเพลิงและสารระบายความร้อนในตัว ทำให้มีอุณภูมิจุดเดือดเกิน 1,500 องศาเซลเซียส ด้วยคุณสมบัติพิเศษดังกล่าว ส่งผลให้ช่วยลดความเสี่ยงจากการหลอมละลายของเชื้อเพลิง แม้ในกรณีฉุกเฉิน จึงถือเป็นคุณสมบัติด้านความปลอดภัยสูงสุดของเทคโนโลยี SMR Generation IV แบบหนึ่งในปัจจุบัน
ทั้งนี้ คณะผู้บริหาร GPSC ยังได้เยี่ยมชมโรงงานอู่ต่อเรือของบริษัท SHI ที่เมืองคอเจ ทางตอนใต้ของเกาหลี ซึ่งได้วางแผนสำหรับเป็นแหล่งการผลิตและประกอบเทคโนโลยี CMSR แบบ Power Barge โดยความร่วมมือกับพันธมิตรทางเทคโนโลยีทั้งบริษัท Saltfoss และ บริษัท KHNP ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมการขอใบอนุญาตจากหน่วยงานภาครัฐของสาธารณรัฐเกาหลี โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้าต้นแบบ (First of A Kind) ได้ในปี 2572 ในเกาหลี และวางแผนเป็นฐานการผลิต (Country Vendor) เทคโนโลยี CMSR Power Barge เพื่อส่งออกทั่วโลก
สำหรับวัตถุประสงค์การศึกษาดูงานเทคโนโลยี SMR ในรูปแบบ CMSR Power Barge ในครั้งนี้ เพื่อหารือร่วมกันถึงผลการศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้น รวมทั้งโอกาสการพัฒนาพลังงานสะอาดด้วยเทคโนโลยี CMSR Power Barge ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาออกแบบให้เป็นโมดูลาร์ขนาดเล็ก สามารถควบคุมคูณภาพการผลิตทั้งหมดได้จากโรงงาน มีความปลอดภัยสูง สามารถผลิตไฟฟ้าและไอน้ำที่แรงดันและอุณหภูมิสูงถึง 500-600 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่าเทคโนโลยี SMR ทั่วไป (อุณหภูมิ 320 องศาเซลเซียส) และที่สำคัญจะไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ เพื่อมุ่งหวังทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล ก้าวสู่พลังงานสะอาดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บรรลุเป้าหมาย Net Zero Emissions ภายในปี 2603 พร้อมสร้างความมั่นคงให้ระบบไฟฟ้าไทยอย่างยั่งยืน
