บลจ.ยูโอบี เปิดตัวกองทุนรวมใหม่

Date:

นางสาวรัชดา ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการอาวุโส สายพัฒนาธุรกิจ บลจ. ยูโอบี เปิดเผยว่า ‘ภาพรวมการลงทุนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกได้รับความสนใจเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตของเมืองและประชากรโลกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 ล้านคนภายในปี 2583 ซึ่งจะสนับสนุนการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานนอกตลาดอีกทั้งเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำและมีแนวโน้มสร้างอัตราผลตอบแทนเทียบกับความผันผวนด้านราคาได้ดี และเป็นสินทรัพย์ที่เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว พร้อมกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน  บลจ. ยูโอบี จึงได้คัดสรรทางเลือกการลงทุนและร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในระดับสากล EQT Fund Management S.à r.l. เพื่อนำเสนอ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไพรเวท อินฟราสตรัคเจอร์ ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (UPINFRA-UI)’ 

       กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไพรเวท อินฟราสตรัคเจอร์ ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (UPINFRA-UI) ระดับความเสี่ยง 8+ (เสี่ยงสูงมากอย่างมีนัยสำคัญ) ซึ่งเป็นกองทุนรวมสำหรับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษเท่านั้น ยอดเงินลงทุนขั้นต่ำสำหรับการสั่งซื้อครั้งแรก 500,000 บาท และไม่กำหนดสำหรับการสั่งซื้อครั้งถัดไป เป็นกองทุนรวมประเภท Feeder Fund ที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ ชื่อ EQT Nexus Fund SICAV – ENIF (Class I EUR-Z) (“กองทุนหลัก”) เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนหลักมีการลงทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมในสินทรัพย์ประเภทสินทรัพย์นอกตลาด (Private Asset) ที่ไม่ได้มีการจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์  ทั้งนี้ กองทุนหลักมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเสี่ยง และการเติบโตของเงินทุนในระยะกลางถึงระยะยาวสำหรับนักลงทุน โดยจัดสรรการลงทุนในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งรวมถึง (1) การลงทุนในกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน EQT และในบางกรณีสามารถลงทุนในตลาดรอง (Secondary market) เพื่อเข้าไปถือครองผลประโยชน์ที่มีอยู่ในกองทุนโครงสร้างพื้นฐานของ EQT ที่จัดตั้งขึ้น (Fund Investments) และ (2) การมีส่วนร่วมในการร่วมลงทุนกับกองทุน EQT (Co-Investment)  นอกจากนี้ กองทุนหลักบริหารจัดการโดย EQT Fund Management S.à r.l. ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานนอกตลาดกลุ่มสร้างมูลค่าเพิ่ม และมีประสบการณ์ลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดมากว่า 30 ปี กองทุนหลักมีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Active Management ที่เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มและมีความยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของกระแสการลงทุน ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีสมัยใหม่และการพัฒนาด้านความยั่งยืน โดยมีการลงทุนในธีมความยั่งยืนและลดการปล่อยคาร์บอน (GHC) รวมทั้งเน้นสร้างการเติบโตในระยะยาว  ทั้งนี้ ผลตอบแทนของกองทุนหลักขึ้นอยู่กับการสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นหลัก (Value Creation) จากการกระจายการลงทุน 3 ส่วน ได้แก่

1. EQT Fund Investments : ลงทุนในกองทุนปิด EQT Infrastructure Fund 

2. Direct Co-Investments : มีส่วนร่วมในการร่วมลงทุนไปกับ EQT Funds

3. Liquidity Sleeve: ลงทุนหรือถือครองสินทรัพย์สภาพคล่อง เช่น เงินสด สินทรัพย์เทียบเท่าเงินสด และตราสารหนี้ระยะสั้น เป็นต้น

ดังนั้น กองทุน UPINFRA-UI ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษที่ต้องการกระจายพอร์ตลงทุนและมองหาโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะยาวจากสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานนอกตลาด โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของพันธมิตรระดับโลกอย่าง EQT Fund Management S.à r.l. ในการบริหารจัดการกองทุนหลัก พร้อมกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นความยั่งยืน เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

ปัจจุบันกองทุน UPINFRA-UI เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนชนิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบปกติ ได้แก่ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไพรเวท อินฟราสตรัคเจอร์ ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หน่วยลงทุนชนิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบปกติ (UPINFRA-UI-N)

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.uobam.co.th/th/mutual-fund/00884/UPINFRA-UI-N

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

คปภ. Kick off โครงการ “OIC Be Smart First Jobber

คปภ. Kick off โครงการ “OIC Be Smart First Jobber ปีที่ 4” ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เสริมทักษะประกันภัย เตรียมพร้อมคนรุ่นใหม่สู่เส้นทางอาชีพอย่างมั่นคง

รัฐบาล เดินหน้าลดค่าไฟจริงจัง

รัฐบาล เดินหน้าลดค่าไฟจริงจัง “พีระพันธุ์” เตรียมรื้อโครงสร้างไฟฟ้า หนุนติดโซลาร์รูฟท็อปง่ายขึ้น แก้ปัญหาค่าไฟแพงถึงต้นตอ

ไทยจะสู้เวียดนามอย่างไรในสงครามการค้า?

ไทยจะสู้เวียดนามอย่างไรในสงครามการค้า? เมื่อเวียดนามเร่งเปิดประเทศ ดึงนักลงทุน และจับมือทางการค้าได้รวดเร็วกว่าไทย

ไทย เสี่ยงโดนภาษีนำเข้าสูงกว่าเวียดนาม

ไทยเจรจาการค้ากับสหรัฐยังไม่จบ เสี่ยงโดนภาษีนำเข้าสูงกว่าเวียดนาม แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อ?