เจ.พี. มอร์แกน ชี้โอกาสการลงทุนใหม่ตลาดหุ้นไทย

Date:

ตลาดหุ้นไทยกำลังเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับตลาดโลกอย่างชัดเจน ส่งผลให้นักลงทุนไทยต้องปรับพฤติกรรมการลงทุนใหม่ โดยตั้งแต่ต้นปี 2568 ดัชนี SET50 ปรับตัวลดลง 9% ขณะที่ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงปรับขึ้นประมาณ 26% ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 12% และดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 17% (ข้อมูล ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2568)

ความแตกต่างดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน ทั้งจากความตึงเครียดทางการค้า ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองระดับโลก และความกังวลด้านเสถียรภาพทางการคลัง แม้ว่าความผันผวนในตลาดสหรัฐฯ และฮ่องกงจะผ่อนคลายลงตั้งแต่เดือนเมษายน แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและการเจรจาการค้า

ผลกระทบที่ตามมาคือเงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นไทยกว่า 100,000 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2568) ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนต่อความเสี่ยงทั้งในและต่างประเทศ นักลงทุนรายย่อยจำนวนมากจึงมองหาเครื่องมือและกลยุทธิ์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยง ขณะเดียวกันก็ยังสามารถเข้าถึงโอกาสเติบโตจากตลาดโลกได้

ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrants: DW) จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในการนำมาใช้จัดการความเสี่ยงในช่วงขาลง และช่วยให้นักลงทุนสามารถติดตามดัชนีและหุ้นขนาดใหญ่ในตลาดสำคัญ เช่น สหรัฐฯ ฮ่องกง และญี่ปุ่น โดย DW ช่วยให้นักลงทุนบริหารความเสี่ยงช่วงตลาดผันผวนโดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนก้อนใหญ่

เจ.พี. มอร์แกน (J.P. Morgan) พบว่านักลงทุนรายย่อยไทยมีความสนใจเพิ่มขึ้นในการลงทุนที่เชื่อมโยงกับการเติบโต โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงปีที่ผ่านมา หุ้นเทคโนโลยีกลุ่ม ‘Magnificent 7’ ทำผลงานโดดเด่น แต่ด้วยข้อจำกัดของตัวเลือกด้านเทคโนโลยีของตลาดหุ้นไทย นักลงทุนในประเทศจึงหันมาใช้ DW เพื่อเข้าถึงหุ้นและดัชนีหุ้นต่างประเทศมากขึ้น

นอกจากนี้ การลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนจากเทรนด์นวัตกรรมและโอกาสการเติบโตในอนาคต

ทศพล เกิดผล กรรมการผู้จัดการ บล. เจพีมอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “DW เป็นเครื่องมือที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงตลาดด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นที่ต่ำ และสามารถใช้บริหารความเสี่ยงทั้งขาขึ้นและขาลง อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลและความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์ก่อนตัดสินใจลงทุน”

โดยทั่วไป DW มักถูกใช้เพื่อทำกำไรระยะสั้น ต่างจากการถือหุ้นระยะยาว “แต่ล่าสุด J.P. Morgan ได้ออก DW อายุยาวกว่า 1 ปี เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน นักลงทุนไทยสามารถใช้ DW ทำกำไรได้ทั้งระยะสั้น (รายวันหรือรายสัปดาห์) และระยะกลาง 10-20 วัน ขณะเดียวกันยังช่วยลดต้นทุนการถือครอง ด้วยอายุที่ยาวขึ้น ทำให้ DW รูปแบบใหม่นี้สามารถนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตลงทุน เพื่อลดเงินลงทุนเริ่มต้นและป้องกันความเสี่ยงขาลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ทศพล กล่าวเสริม

ทศพล เปิดเผยว่า จากข้อมูลนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือน ก.ย. 2568 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการซื้อขาย DW มากที่สุดได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ พลังงานและสาธารณูปโภค และเช่าซื้อและลีสซิ่ง นอกจากนี้ยังมีความสนใจมากใน DW ที่อ้างอิงกับหุ้นเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตจากฮ่องกง โดย Alibaba เป็น DW ยอดนิยมอันดับ 1 ตามด้วย Baidu และ Kuaishou รวมถึงแบรนด์ผู้บริโภคใหม่ ๆ อย่าง Pop Mart ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน

การทำความเข้าใจความเสี่ยงและประโยชน์ของใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW)

เจ.พี. มอร์แกน มีเครื่องมือจำลองการลงทุนบนเว็บไซต์ ช่วยให้เข้าใจความเสี่ยงและผลตอบแทนของ DW ได้ดีขึ้น โดยผู้ลงทุนสามารถจำลองสถานการณ์กำไรขาดทุนในสภาวะตลาดต่าง ๆ เครื่องมือนี้เป็นประโยชน์ทั้งสำหรับนักลงทุนมือใหม่และนักลงทุนที่มีประสบการณ์

ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 มีปัจจัยหลายประการที่อาจส่งผลต่อการซื้อขาย DWs เช่น ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศที่อาจคลายลง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่อาจทำสถิติสูงสุดใหม่ และความผันผวนทั่วโลกที่อาจลดลง ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนไทยในการเสริมกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยง DWs จึงเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์ทั้งการจัดการความเสี่ยง ช่วยเพิ่มผลตอบแทน และลดต้นทุนการลงทุน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน เนื่องจากผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต

เกี่ยวกับ เจ. พี. มอร์แกน

เจพีมอร์แกนเชส แอนด์ โค (อักษรย่อ JPM บนตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก) เป็นบริษัทให้บริการทางการเงินชั้นนำที่มีฐานอยู่ในสหรัฐอเมริกา โดยมีการดำเนินงานทั่วโลกและมีสินทรัพย์รวมกว่า 4.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีมูลค่าหลักทรัพย์ในส่วนของผู้ถือหุ้น 360,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ.วันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทเป็นผู้นำในด้านวาณิชธนกิจ บริการทางด้านการเงินสำหรับผู้บริโภค และธุรกิจขนาดเล็ก ธนาคารพาณิชย์ กระบวนการทำธุรกรรมทางการเงิน และการบริหารสินทรัพย์ ภายใต้แบรนด์ เจ.พี.มอร์แกน และ เชส บริษัทให้บริการลูกค้าหลายล้านรายในสหรัฐอเมริการวมถึง บริษัทชั้นนำส่วนใหญ่ของโลก ตลอดจนลูกค้าภาครัฐและลูกค้าสถาบันทั่วโลก ท่านสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจพีมอร์แกนเชส แอนด์ โค ได้ที่ www.jpmorganchase.com

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

“หงส์ไทย” พลิกวิกฤตสู่โอกาส ประกาศยกระดับมาตรฐานครั้งใหญ่ 

"หงส์ไทย" พลิกวิกฤตสู่โอกาส จับมือ สทน.ใช้เทคโนโลยี "ฉายรังสีฆ่าเชื้อ" สร้างผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยปลอดภัย 100% สู่มาตรฐานระดับโลก

SAM คว้ารางวัล Recognition of Excellence

SAM คว้ารางวัล Recognition of Excellence ประเภท The Best Asset Management Company ตอกย้ำ AMC แห่งรัฐ

“นารถนารี” CEO SAM รับรางวัลเกียรติยศ

“นารถนารี” CEO SAM รับรางวัลเกียรติยศ “บุคคลตัวอย่างในภาคธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์” จาก มสวท.

SAM ร่วมงานเสวนา : BAM SYMPOSIUM 

SAM ร่วมงานเสวนา : BAM SYMPOSIUM “ผนึกกำลังขุนพลAMC กู้วิกฤตหนี้ท่วมระบบ”