
นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO เปิดเผย ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 ของบริษัทฯและบริษัทย่อยทำสถิตินิวไฮทั้งรายได้และกำไร โดยมีกำไรสุทธิรวม 176.78 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 138.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.61ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 28% ขณะที่รายได้จากการขายและบริการ 926.33 ล้านบาทเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 599.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 326.66 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 54%
โดยรายได้หลักในไตรมาส 3 ปี 2568 จากการเพิ่มขึ้นของรายได้กลุ่มธุรกิจวิศวกรรมด้านเทคโนโลยี เช่น โครงการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์สิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทยเฉลิมพระเกียรติ ระยะที่ 2 จังหวัดภูเก็ต โครงการวิศวกรรมด้านเทคโนโลยีของหน่วยงานราชการต่างๆ รวมถึงโครงการซื้ออุปกรณ์แม่ข่ายและสิทธิการใช้งานระบบ สำหรับการยื่นและส่งคำคู่ความและเอกสารโดยสื่ออิเลคทรอนิกส์ รายได้จากภาคเอกชนที่มีความต้องการด้านเทคโนโลยีที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น และเกิดจากการรับรู้รายได้ในโครงการสวนสัตว์แห่งใหม่ เฟส 1
สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี บริษัทฯและบริษัทย่อย ทำรายได้รวม 2,431.49 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,828.69 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 33% มีกำไรสุทธิ 491.41ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 368.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% เช่นกัน โดยรายได้หลักในรอบ 9 เดือน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ ของ 2กลุ่มธุรกิจหลัก ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง คือ
1)ธุรกิจจำหน่ายและให้บริการระบบบริหารจัดการเอกสาร และระบบการรักษาความปลอดภัยด้านไซเบอร์ ซึ่งมีโครงการสำคัญได้แก่ โครงการนำเข้าข้อมูลที่ดินเพื่อการจดทะเบียนออนไลน์ทั่วประเทศ โครงการจ้างพัฒนาระบบงานบริหารจัดการคุณภาพหนี้เพื่อยกระดับการให้บริการ (EDMS) ให้กับสถาบันการเงินของรัฐซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนและยกระดับการบริการประชาชน เช่น โครงการของ ธกส. โครงการด้านไซเบอร์ ซีเคียวริตี้ ของธนาคารกรุงไทย ส่วนลูกค้าเอกชน มีกลุ่มเซ็นทรัล บริษัทประกันภัย และธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น
กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มธุรกิจวิศวกรรมด้านเทคโนโลยีซึ่งเป็นจุดแข็งของ DITTO ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงกลยุทธ์ในการเสริมสร้างศักยภาพด้าน ”Smart Engineering Solutions” โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท โครงการหลัก ได้แก่ โครงการพัฒนาด้านวิศวกรรมเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและ โครงการบริหารจัดการน้ำด้วยระบบอัจฉริยะ รวมถึงการรับรู้รายได้จากส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าอีกด้วย
“จากผลประกอบการสะท้อนถึงศัยภาพธุรกิจเทคโนโลยีเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงการบริหารต้นทุนและการขยายโครงการเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ” นายฐกร กล่าว




