นายยศกร ฟอลเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด หรือ XSpring AM เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจของ XSpring AM ในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสเติบโตอย่างน่าสนใจ เนื่องจากบริษัทกำลังเดินหน้าขยายธุรกิจแบบ 360 องศา ทั้งจากการออกกองทุนใหม่ และเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมด้านตัวแทนจำหน่าย โดยล่าสุด XSpring AM ได้รับอนุญาตให้ทำหน้าที่เป็นนายหน้า ค้า และจัดจำหน่ายกองทุนรวม (LBDU: Limited Broker Dealer Underwriter) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งจะเป็นโอกาสเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายกองทุนรวมให้กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนพันธมิตรที่มีอยู่ 10 แห่ง
นายยศกร ฟอลเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด หรือ XSpring AM เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจของ XSpring AM ในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสเติบโตอย่างน่าสนใจ เนื่องจากบริษัทกำลังเดินหน้าขยายธุรกิจแบบ 360 องศา ทั้งจากการออกกองทุนใหม่ และเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมด้านตัวแทนจำหน่าย โดยล่าสุด XSpring AM ได้รับอนุญาตให้ทำหน้าที่เป็นนายหน้า ค้า และจัดจำหน่ายกองทุนรวม (LBDU: Limited Broker Dealer Underwriter) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งจะเป็นโอกาสเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายกองทุนรวมให้กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนพันธมิตรที่มีอยู่ 10 แห่ง ประกอบด้วย
อย่างไรก็ดีขณะนี้ยังมีพันธมิตรอีกหลายรายที่อยู่ระหว่างการลงนามความร่วมมือซึ่งน่าจะได้เห็นความคืบหน้าในเร็วๆนี้
“การได้รับใบอนุญาต LBDU จะทำให้โครงสร้างรายได้ของ XSpring AM มีความหลากหลายมากขึ้น โดยในระยะยาวบริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะมีที่มาของรายได้จากการจัดการกองทุนทุกประเภท 60% และรายได้ค่าธรรมเนียมจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายกองทุน 40% ซึ่งการมีรายได้มาจากหลายทางจะเป็นการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน” นายยศกร กล่าว
นายยศกร กล่าวอีกว่าขณะนี้ XSpring AM เตรียมพร้อมให้บริการกองทุนส่วนบุคคล เอ็กซ์สปริง ทริกเกอร์ฟันด์ 6M ซึ่งการให้บริการกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ หลังจากที่ได้ให้บริการกองทุนส่วนบุคคล เอ็กซ์สปริง ทริกเกอร์ฟันด์ 6M ไปเมื่อเดือนมิ.ย. 2565 และได้รับการตอบรับดีเกินคาด ทำให้มีเสียงเรียกร้องจากกลุ่มนักลงทุนที่พลาดโอกาส ให้เตรียมให้บริการกองทุนส่วนบุคคล เอ็กซ์สปริง ทริกเกอร์ฟันด์ 6M เพิ่มเติมโดยเร็ว XSpring AM จึงได้เตรียมให้บริการกองทุน ซึ่งยังคงเป็นกองทุนส่วนบุคคลที่ลงทุนในหุ้นไทย โดยให้บริการรับจัดการลูกค้าขั้นต่ำรายละ 3 ล้านบาท และทวีคูณครั้งละ 1 ล้านบาท ในความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) โดยลูกค้าที่สนใจสามารถแจ้งความประสงค์ระหว่างวันที่ 15-30 ก.ย 2565 ตั้งเป้าหมายผลตอบแทน 7% ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 5 วันทำการ โดยภายในระยะเวลา 6 เดือน ผู้ลงทุนไม่สามารถเลิกสัญญาได้ ทั้งนี้ การกำหนดเป้าหมายดังกล่าวไม่ใช่การรับประกันผลตอบแทนของกองทุนส่วนบุคคล และเป้าหมายดังกล่าวเป็นเป้าหมายหลังหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
สำหรับการให้บริการกองทุนส่วนบุคคล เอ็กซ์สปริง ทริกเกอร์ฟันด์ 6M ในช่วงเวลานี้ถือเป็นจังหวะที่เหมาะสม เพราะนักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น จากความเชื่อมั่นหลังสถานการณ์ระบาดของโควิด -19 ผ่อนคลาย และเริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทย ส่งผลให้ภาคธุรกิจเริ่มขับเคลื่อนไปได้ดีขึ้น อย่างไรก็ดีสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยและทั่วโลกก็ยังมีความเสี่ยงจากวิกฤตด้านเงินเฟ้อจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น ดังนั้นการให้บริการรอบนี้ จึงยังคงนำเสนอในรูปแบบของกองทุนส่วนบุคคลเพราะสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นได้ตั้งแต่ 0-100% ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
อย่างไรก็ตามกองทุนส่วนบุคคล เอ็กซ์สปริง ทริกเกอร์ฟันด์ 6M อาจมีความเสี่ยงจากการลงทุน ผู้สนใจลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน และสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือขอรับรายละเอียดของกองทุนส่วนบุคคลฯ ได้ที่ 02-030-3730 ในวันและเวลาทำการตั้งแต่เวลา 08:30-17:30 น.
นอกจากนี้ในช่วงที่เหลือของปี 2565 XSpring AM มีแผนรับบริหารกองทุนส่วนบุคคลเพิ่มเติมอีก เพื่อเพิ่มโอกาสการลงทุนให้กับนักลงทุนให้หลากหลายยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีทั้งการนำเสนอกองทุนในประเทศและนำเสนอกองทุนที่ไปลงทุนในต่างประเทศ เช่น ในตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพราะเป็นประเทศที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเงินเฟ้อ อีกทั้งประชาชนมีเงินออมสูง รวมถึงมองหาโอกาสการลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ยังมีกำลังซื้อสูงมีประชากรวัยทำงานในสัดส่วนที่น่าสนใจ จึงมองว่าเป็นโอกาสในการรับบริหารกองทุนส่วนบุคคลทริกเกอร์ฟันด์
ส่วนทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี 2565 ทาง XSpring AM ยังคงมองว่าจังหวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งปีหลังมีความน่าสนใจอย่างมาก โดยล่าสุดตลาดหุ้นไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้นมา ส่วนหนึ่งมองว่า มาจากการรับรู้ปัจจัยลบจากการเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรปไปแล้วก่อนหน้านี้ อีกทั้งในประเทศไทยมองว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในครึ่งปีหลังจะมีสัญญาณที่ดีขึ้น จึงมองว่ามีโอกาสที่หุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นไปถึงระดับ 1,745 จุด