นายอนุวัฒน์ จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (“กองทรัสต์ WHART”) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ WHART ยังคงอยู่ในระดับที่ดีเนื่องจากกลุ่มผู้เช่าพื้นที่หลักของสินทรัพย์ที่อยู่ในกองทรัสต์ WHART นั้น เป็นกลุ่มผู้เช่าที่ดำเนินธุรกิจด้านอีคอมเมิร์ซ, โลจิสติกส์ และสินค้าอุปโภค-บริโภคเป็นหลัก ซึ่งกลุ่มธุรกิจดังกล่าวได้รับอานิสงส์จากวิกฤตการณ์ดังกล่าว และมีการเติบโตในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจากกรณีดังกล่าวส่งผลให้ที่ผ่านมา กองทรัสต์ WHART สามารถรักษาอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) เฉลี่ยอยู่ในระดับที่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 มาโดยตลอด ควบคู่กับความสามารถในการจ่ายประโยชน์ตอบแทนต่อหน่วยแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้อย่างสม่ำเสมอ
“ ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 กองทรัสต์ WHART มีอัตราการเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณร้อยละ 92 ประกอบกับอัตราการต่อสัญญาเช่าพื้นที่เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ของโควิด-19 ที่คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น พร้อมทั้งเชื่อว่าหลังจากนี้หากมีการเปิดประเทศ นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุนในภาคอุตสาหกรรมได้สะดวก จะส่งผลให้ภาคเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศเติบโตมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อกองทรัสต์ WHART ด้วยเช่นเดียวกัน”
ล่าสุด ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่ง Filingในการอนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์ WHART สำหรับการเพิ่มทุนครั้งที่ 7 จำนวนไม่เกิน 245 ล้านหน่วย เพื่อลงทุนทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งที่ 8 ในอสังหาริมทรัพย์ สิทธิการเช่าและสิทธิการเช่าช่วงของอสังหาริมทรัพย์และทรัพย์สินอื่นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 4,050.86 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะสามารถเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2565
สำหรับทรัพย์สินที่กองทรัสต์ WHART จะเข้าลงทุนในครั้งนี้ ประกอบด้วยการลงทุนในทรัพย์สิน ของกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) “WHA” โดยแต่ละโครงการมีความโดดเด่นด้านทำเลศักยภาพที่เป็นจุดเชื่อมต่อด้านการขนส่งสินค้าในประเทศไทยอยู่ใกล้กรุงเทพ และพื้นที่ EEC สามารถเชื่อมต่อทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ ท่าเรือแหลมฉบังได้สะดวก จำนวน 5 โครงการ ประกอบด้วย
1.โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา-ตราด กม.23 โปรเจค3 ตั้งอยู่ที่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ มีพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 34,001.00 ตารางเมตร
2.โครงการดับบลิวเอชเอ ซิกโนด แฟคทอรี่
ตั้งอยู่ที่ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 8,151.00 ตารางเมตร
3.โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม.21
ตั้งอยู่ที่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ มีขนาดพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 30,311.00 ตารางเมตร
4.โครงการดับบลิวเอชเอ-เคพีเอ็น เมกกะโลจิสติกส์เซ็นเตอร์บางนา-ตราด กม.23 โปรเจค 2 ตั้งอยู่ที่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ขนาดพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 19,796.00 ตารางเมตร
5.โครงการดับบลิวเอชเอ เซ็นทรัล เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ วังน้อย 63
ตั้งอยู่ที่ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขนาดพื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 67,704.00 ตารางเมตร
“พื้นที่เช่าอาคารรวม 5 โครงการ จำนวน 159,963 ตารางเมตร มีผู้เช่าหลักเป็นบริษัทชั้นนำที่มีชื่อเสียง เช่น บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด, บริษัท เคอรี่ โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด เป็นต้น ภายหลังจากการลงทุนเพิ่มในครั้งนี้ จะส่งผลให้ กองทรัสต์ WHART มีการลงทุนในทรัพย์สินหลักรวมทั้งสิ้นเป็น 39 โครงการ จากทรัพย์สิน ณ ปัจจุบันจำนวน 34 โครงการ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกองทรัสต์ WHART ที่ลงทุนในทรัพย์สินคุณภาพระดับพรีเมี่ยมทุกปีอย่างต่อเนื่อง โดยมี ดับบลิวเอชเอกรุ๊ปเป็นผู้สนับสนุนหลักและผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการบริหารทรัพย์สิน”
ภายหลังจากการลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้แล้วเสร็จ จะส่งผลให้ กองทรัสต์ WHART มีมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์ แตะที่ระดับกว่าประมาณ 51,956.40 ล้านบาท และมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 1,743,696.80ตารางเมตร พื้นที่ส่วนที่จอดรถ 32,650.19 ตารางเมตร และพื้นที่เช่าหลังคา 450,777.29 ตารางเมตร ซึ่งทำให้กองทรัสต์ WHART เป็นกองทรัสต์ Industrial ที่มีมูลค่าสินทรัพย์รวมใหญ่ที่สุดในไทย โดดเด่นด้วยทรัพย์สินที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ของประเทศ และความหลากหลายของกลุ่มผู้เช่า มีสัญญาเช่าระยะยาว
“การเพิ่มทุนในครั้งนี้ เพื่อลงทุนในทรัพย์สินหลักเพิ่มเติมในทรัพย์สินที่มีศักยภาพ ที่มีสัญญาเฉลี่ยระยะยาวโดยกลุ่มผู้เช่าในกลุ่มธุรกิจที่มั่นคงและเติบโต โดยภายหลังการเข้าลงทุนกองทรัสต์จะมีผู้เช่ากลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (3PLs) ในสัดส่วนร้อยละ 42 ของรายได้เฉพาะพื้นที่ส่วนที่มีผู้เช่า กลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ในสัดส่วนร้อยละ 20 ของรายได้เฉพาะพื้นที่ส่วนที่มีผู้เช่า และกลุ่มการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce) ในสัดส่วนร้อยละ 15 ของรายได้เฉพาะพื้นที่ส่วนที่มีผู้เช่า”
นอกจากนี้กองทรัสต์ WHART ได้มีประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทนต่อหน่วยแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ภายหลังการลงทุนในทรัพย์สินหลักเพิ่มเติมครั้งที่ 8 เท่ากับ 0.80 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบประมาณการณ์ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2566 เพิ่มขึ้นจากประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทนจากทรัพย์สินเดิมของกองทรัสต์ WHART สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีเดียวกัน ซึ่งเท่ากับ 0.78 บาทต่อหน่วย