นายรุ่งเรืองสุขเกิดกิจพิบูลย์กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทยเปิดเผยว่าธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าในเชิงรุกผ่านมาตรการต่างๆ ที่สำคัญใน 2 ด้าน ได้แก่
1 มาตรการแบ่งเบาภาระหนี้ให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิดโดยธนาคารได้เสนอมาตรการต่างๆ ให้แก่ลูกค้า ซึ่งรวมถึงการพักชำระหนี้ และการลดดอกเบี้ย โดยในช่วงที่ประเทศเผชิญกับวิกฤตโควิดอย่างหนักในปี 2563 ธนาคารได้ช่วยเหลือลูกค้าไปกว่า 1.6 ล้านราย คิดเป็นยอดการช่วยเหลือภายใต้มาตรการช่วยเหลือตามแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทย กว่า 428,000 ล้านบาท และแม้ว่าจำนวนลูกค้าที่อยู่ในมาตรการช่วยเหลือจะทยอยลดลงตามสถานการณ์โควิคที่ค่อยๆ ดีขึ้นในแต่ละปีตามลำดับ ภาวะเศรษฐกิจไทยยังคงมีความท้าทายและขยายตัวแบบไม่กระจายตัวทั่วถึง ซึ่งในปัจจุบันธนาคารยังคงช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2566 ธนาคารมีลูกค้าที่อยู่ในมาตรการช่วยเหลือแบบเบ็ดเสร็จตามแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทย คิดเป็นยอดสินเชื่อกว่า 186,000 ล้านบาท
2 มาตรการเสริมสภาพคล่องให้กับลูกค้าที่ต้องการสินเชื่อเพิ่มเติม ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ได้แก่
1 สินเชื่ออัตราดอกเบี้ย 0% ระยะเวลา 1 ปีเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจเอสเอ็มอีที่ธุรกิจชะลอตัว และทำให้สามารถรักษาการจ้างงานเป็นจำนวนมาก
2 สินเชื่ออัตราดอกเบี้ย 1% ระยะเวลา 5 ปี เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบหนักจากธุรกิจที่ต้องหยุดชะงัก
3 สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 2% ระยะเวลา 2-5 ปีสำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็กที่มีศักยภาพ เพื่อลดภาระภาระต้นทุนของผู้ประกอบการ
4 วงเงินสินเชื่อต่อรายต่ำกว่า 1 ล้านบาทสำหรับลูกค้ารายย่อย เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อและบริการการเงินในระบบให้กับลูกค้ารายย่อย
ธนาคารกสิกรไทยยังคงมุ่งมั่นที่จะดูแลและช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยจะพิจารณามาตรการความช่วยเหลือให้เหมาะสมกับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถก้าวผ่านวิกฤติและเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งในการดำเนินธุรกิจและการดำรงชีพ โดยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบและต้องการความช่วยเหลือสามารถดำเนินการติดต่อผ่านช่องทางต่างๆ ของธนาคารได้