กนง. จะคงดอกเบี้ยนโยบาย 2.5% ตลอดปี

Date:

SCB EIC ประเมินว่า จากที่กนง. มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ 5 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5% ต่อปีโดย 2 เสียงเห็นว่าควรลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปีโดย กนง. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2024 มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงจากภาคการส่งออกและภาคการผลิต เนื่องจากอุปสงค์โลกและเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้า รวมถึงปัจจัยเชิงโครงสร้างกระทบการขยายตัวของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวมากกว่าที่เคยประเมินไว้ แต่อุปสงค์ในประเทศยังขยายตัวต่อเนื่องและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจ ด้านอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเข้าสู่กรอบเป้าหมายช้ากว่าที่ประเมินไว้ กนง. ประเมินว่าเศรษฐกิจที่ขยายตัวชะลอลงในช่วงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เกิดจากแรงส่งจากภาคต่างประเทศที่น้อยลงและผลกระทบจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง แต่การบริโภคยังขยายตัวดีต่อเนื่อง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงินซึ่งเป็นรากฐานสำคัญ

สำหรับการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว กรรมการส่วนใหญ่จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่กรรมการ 2 ท่านเห็นว่าควรปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต่ำลงจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง ทั้งนี้ กนง. เห็นว่ายังมีความไม่แน่นอนสูงในระยะข้างหน้าจากปัจจัยวัฏจักรเศรษฐกิจและปัจจัยเชิงโครงสร้าง โดยการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้าจะพิจารณาให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ

กนง. ประเมินเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ปี 2023 ขยายตัวชะลอลงกว่าคาดจากการส่งออกสินค้าและภาคการผลิตที่ฟื้นตัวช้า ตามภาวะการค้าโลกและสินค้าคงคลังในประเทศที่อยู่ในระดับสูง การเปลี่ยนพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทำให้รายรับต่อคนน้อยกว่าในอดีต และการลงทุนภาครัฐที่ลดลงในช่วงที่งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2024 ล่าช้า แรงส่งทางเศรษฐกิจที่ลดลงในช่วงปลายปี 2023 ส่งผลให้คาดการณ์แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2024 จะปรับลดลงอยู่ในช่วง 2.5-3% โดยยังมีการบริโภคภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ขณะที่การส่งออกสินค้าและภาคการผลิตมีแนวโน้มขยายตัวค่อยเป็นค่อยไป ส่วนหนึ่งจากอุปสงค์โลกและวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไทยที่ฟื้นช้ากว่าคาด มองไปข้างหน้า ปัญหาเชิงโครงสร้างโดยเฉพาะด้านความสามารถในการแข่งขันของประเทศจะเป็นอุปสรรคมากขึ้น หากไม่มีการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ

กนง. ประเมินอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มปรับลดลงกว่าที่เคยประเมินไว้จากปัจจัยอุปทาน ทั้งราคาอาหารสดและราคาพลังงาน รวมทั้งการขยายมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อ
ที่ต่ำลงในปัจจุบันไม่ได้บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอ โดยราคาสินค้าไม่ได้ปรับลดลงเป็นวงกว้าง แต่สะท้อนปัจจัยเฉพาะในบางกลุ่มสินค้า นอกจากนี้ หากหักผลของมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐแล้ว อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงเป็นบวก โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้มีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำใกล้เคียง 1% ก่อนจะทยอยเพิ่มขึ้นในปีหน้า ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มทรงตัวใกล้เคียงเดิม ทั้งนี้ยังต้องติดตามความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่อาจส่งผลต่อราคาพลังงานโลก ผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตรจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ

กนง. ประเมินว่าระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพและภาวะการเงินโดยรวมทรงตัว โดยการระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ในภาพรวมยังดำเนินการได้ตามปกติ แม้มีผู้ออกตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงบางรายระดมทุนทดแทนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนได้ไม่เต็มจำนวนสำหรับภาวะการเงินโดยรวมทรงตัว ต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนผ่านธนาคารพาณิชย์และตลาดตราสารหนี้ใกล้เคียงเดิม ภาคธุรกิจและครัวเรือนโดยรวมยังได้รับสินเชื่อใหม่ต่อเนื่อง ขณะที่ยอดคงค้างสินเชื่อลดลงเล็กน้อยจากการชำระคืนหนี้เป็นหลัก ผู้ประกอบการในภาพรวมยังสามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ แม้การฟื้นตัวของรายได้ธุรกิจเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปและต้นทุนวัตถุดิบอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ดี กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กในบางอุตสาหกรรมอาจเผชิญภาวะสินเชื่อตึงตัวตามความระมัดระวังของสถาบันการเงิน

SCB EIC คาดว่ากนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.5% ไว้ตลอดปี 2024 (รูปที่ 1) โดยมองว่ากนง. จะพิจารณาแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อไปข้างหน้าในระยะปานกลางถึงระยะยาว (Forward looking) มากกว่าตัวเลขที่เกิดขึ้นแล้ว (Backward looking) หากแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทยในระยะต่อไปยังเป็นไปตามที่ SCB EIC เคยคาดการณ์ไว้ว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ต่อเนื่องใกล้เคียงระดับศักยภาพที่ 3% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะทยอยปรับสูงขึ้นเข้าสู่กรอบเป้าหมาย 1-3% ได้ กนง. จะยังมีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับปัจจุบัน ซึ่งเป็นระดับที่สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจและเอื้อต่อการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว (Neutral rate) ตามที่ กนง. สื่อสารไว้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับการดูแล SMEs และครัวเรือนกลุ่มเปราะบางที่ภาระหนี้สูงและรายได้ฟื้นตัวช้า กนง. ยังมีแนวโน้มสนับสนุนการใช้มาตรการเฉพาะจุดและแนวทางแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน มากกว่าการใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เป็นมาตรการแบบครอบคลุมและส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดีหากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปเติบโตชะลอลงกว่าประมาณการที่กนง. ประเมินไว้ตามผลประชุมครั้งนี้อย่างมีนัยสำคัญประกอบกับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงติดลบต่อเนื่องและกระจายไปในสินค้าและบริการเป็นวงกว้างมากขึ้นกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐานชัดเจนขึ้น อาจส่งผลให้ กนง. ต้องเริ่มพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เพื่อให้นโยบายการเงินสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่อาจไม่เป็นไปตามคาดได้

สำหรับมุมมองเศรษฐกิจของ SCB EIC ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในปี 2024 โดยแรงส่งหลักมาจากการบริโภคภาคเอกชน (รูปที่ 2) ตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับดีขึ้นและมาตรการช่วยลดค่าครองชีพประชาชน นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังมีแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่องและภาคการส่งออกที่กลับมาขยายตัวได้ สอดคล้องกับการผลิตบางอุตสาหกรรมที่เริ่มฟื้นตัว เช่น อิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ดี ปัจจัยกดดันเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปมาจากการประกาศใช้ พ.ร.บ. งบประมาณฯ ปี 2024 ที่ล่าช้า ซึ่งจะกดดันการลงทุนภาครัฐในช่วงครึ่งปีแรก ตลอดจนความไม่แน่นอนจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความเสี่ยงใหม่ในตะวันออกกลางที่อาจกระทบการขนส่งทางทะเล และทำให้ห่วงโซ่อุปทานโลกชะงักขึ้นได้อีก เป็นความเสี่ยงต่อการส่งออกสินค้าของไทย 

สำหรับเงินเฟ้อไทยแม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะติดลบต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีก่อนแต่ส่วนใหญ่เป็นผลจากมาตรการลดค่าครองชีพประชาชน โดย SCB EIC ประเมินว่า ประเทศไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เนื่องจากเงินเฟ้อติดลบยังไม่กระจายตัวรายสินค้าเป็นวงกว้าง และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงเป็นบวก มองไปข้างหน้าเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปทานเป็นหลัก กดดันปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยที่ยังอยู่ในระดับสูงและรายได้กลุ่มเปราะบางที่ยังฟื้นตัวช้า

เศรษฐกิจโลกในปี 2024 มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงจากผลของนโยบายการเงินตึงตัวต่อเนื่องและตลาดแรงงานอ่อนแอลงอีกทั้งยังต้องเผชิญความไม่แน่นอนรอบด้าน โดยในปีนี้จะมีการเลือกตั้งใหญ่ในกว่า 60 ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจรวมสูงกว่า 60% ของโลก นอกจากนี้ การค้าและห่วงโซ่อุปทานโลกอาจเผชิญความเสี่ยงใหม่จากการโจมตีเรือขนส่งสินค้าในบริเวณทะเลแดงและปัญหาน้ำแล้งในคลองปานามา ก่อให้เกิดความแออัดในการขนส่งทางเรือหรือต้องปรับเส้นทางเดินเรือ ส่งผลให้ระยะเวลาการขนส่งสินค้าและต้นทุนค่าขนส่งปรับสูงขึ้น 

สำหรับนโยบายการเงินธนาคารกลางในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงไตรมาส 2 จากเงินเฟ้อที่มีทิศทางชะลอลงต่อเนื่องเข้าใกล้กรอบเป้าหมายที่ 2% มากขึ้น ส่งผลให้นโยบายการเงินสามารถผ่อนคลายขึ้นได้ สำหรับจีนยังมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อเนื่องผ่านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราส่วนการสำรองของธนาคารพาณิชย์ขั้นต่ำ (Required Reserve Ratio) ขณะที่ญี่ปุ่นมีแนวโน้มยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ (Negative interest rate) ในปีนี้

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

CIMB Thai หนุนบริษัทไทยฝ่าคลื่นอนาคต

CIMB Thai หนุนบริษัทไทยฝ่าคลื่นอนาคตเกาะกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลง

นิสัยคนไทย : เสพติดประชานิยม

นิสัยคนไทย : เสพติดประชานิยม แจกเงินสดหนึ่งหมื่น : หวังลมพายุหมุนได้แค่ลมปาก

เรืองไกร ร้อง กกต. สอบนายกฯ ขัด รธน. ม.184 (4) หรือไม่

เรืองไกร งัดข่าวและคลิปฉุนสื่อยุแยง ร้อง กกต. สอบนายกฯ ขัด รธน. ม.184 (4) หรือไม่

บ้านปู เน็กซ์  ลงทุนในบริษัท แอมป์ จำกัด (แอมป์ เจแปน) 

บ้านปู เน็กซ์  ลงทุนในบริษัท แอมป์ จำกัด (แอมป์ เจแปน) บริษัทชั้นนำในประเทศญี่ปุ่นผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจนถึงการนำออกสู่ตลาด