นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้หน่วยของกระทรวงการคลัง ดำเนินการมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ 2567 ซึ่งมีเรื่องท้าทาย ทั้งการเก็บรายได้ของรัฐบาลที่คาดว่าในช่วง 9 เดือนของปีงบประมาณ 2567 ต่ำกว่าเป้าหมาย 3 หมื่นล้านบาท จึงให้ทั้ง 3 กรมภาษี กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร รวมถึงกรมธนารักษ์ ที่เก็บรายได้จากการให้เช่าที่ราชพัสดุ เพิ่มประสิทธิภาพในช่วง 3 เดือนสุดท้าย เพื่อทำให้การเก็บรายได้ทั้งปีได้ตามเป้าหมายเอกสารงบประมาณ
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องท้าทายการเบิกจ่ายงบประมาณ ได้สั่งการให้กรมบัญชีกลาง ที่ดูแลคลังจังหวัดทั่วประเทศ ประสานหน่วยงานภาครัฐทั่วประเทศ เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุน ให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจให้มากที่สุด
“ช่วง 3 เดือนสุดท้าย ยังมีเรื่องท้าทายตื้นเต้นให้กระทรวงการคลังดำเนินมาตรดูแลเศรษฐกิจให้ได้ตามเป้าหมาย ทั้งการเก็บรายได้ปิดรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 3 หมื่นล้านบาท และการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะงบลงทุนให้เร็วที่สุด เพราะการใช้งบประมาณล่าช้าไม่เป็นปกติเหมือนทุกปีที่ผ่านมา” นายลวรณ กล่าว
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การพิจารณามาตรการลดหย่อนภาษีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขอเว้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน หรือ มาตรการลดหย่อนภาษีจากการลงทุนในตลาดหุ้น เป็นเรื่องที่ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ต้องแน่ใจว่าคุ้มค่ากับภาษีที่เสียไป และที่สำคัญที่สุดต้องไม่กระทบกับฐานะการคลังของประเทศ โดยเฉพาะการปิดหีบงบประมาณปี 2567 ที่รายได้ยังต่ำกว่าเป้าหมายอยู่
ทั้งนี้กระทรวงการคลัง ยังเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไทยปี 2567 จะขยายตัวได้ 2.4% ที่ประมาณการไว้ล่าสุด แม้ว่าครึ่งปีแรกของปีจะมีเงินงบประมาณด้านการลงทุนเข้าไปช่วยเศรษฐกิจเลย เพราะการพิจารณาล่าช้าเริ่มใช้กลางปี 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้มีการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนเป็นพิเศษ เชื่อว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังขยายตัวได้ดี และทั้งปีได้ตามเป้าหมายที่ประมาณการไว้