นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร เปิดเผยว่า ข้อมูลลูกหนี้ของเครดิตบูโรสิ้นสุดเดือน สิงหาคม 2567 ซึ่งยังไม่เห็นหรือรวมผลกระทบจากการที่เกิดน้ำท่วมในบางพื้นที่ โดยตัวเลขที่น่าสนใจจะเป็นตัวเลขสิ้นสุดไตรมาส 3 เดือนกันยายน 2567 ซึ่งจะออกมาในช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2567 นี้ โดยข้อมูลสรุปได้ดังนี้
1 จากฐานข้อมูลสถิติที่ไม่มีตัวตนของเครดิตบูโรครอบคลุมหนี้สินรายย่อยของประชาชนที่ไม่รวมลูกหนี้นิติบุคคลนั้นซึ่งรวบรวมจากสถาบันการเงินสมาชิกเครดิตบูโรกว่า 158 แห่งพบว่ามียอดสินเชื่อ 13.63 ล้านล้านบาท มีการเติบโต YoY 0.8%,MoM 0.0% คือแทบไม่มีการเติบโต
2 หนี้เสียหรือ NPL มาหยุดอยู่ที่ 1.18 ล้านล้านบาท เคลื่อนที่ช้าๆ ไปสู่จุด 1.2 ล้านล้านบาท ตามที่คาดการณ์ไว้เมื่อต้นปี 2567 คิดเป็นอัตราส่วน 8.7%ของยอดสินเชื่อรวม แน่นอนว่าหนี้เสียก้อนนี้ที่ค้างเกิน 90 วัน กำลังรอมาตรการแก้ไขแบบแรงๆ มีแรงจูงใจสูงทั้งเจ้าหนี้ ลูกหนี้ ให้เข้ามาตกลงกัน ภายใต้กติกาที่ผู้กำกับดูแลน่าจะได้ขยับเข้ามากระชับพื้นที่(ได้แล้ว) ผลัดกันเขียน เวียนกันอ่าน ผ่านกันชม เม้นท์กันไปมา หาเหตุติชม มันอาจกินเวลาที่ดอกเบี้ยมันเดินทุกเมื่อเชื่อวันของผู้คนปกติธรรมดา เดินดิน กินข้าวกล่อง ที่ไม่ได้เข้าใจภาษาเทพภาษาพรหมของท่านๆนะครับ ภาษาชาวบ้าน จะทำอะไรก็รีบทำ ดอกมันเดินทุกวัน จะได้กดเข็มไมล์เดินหน้ากับชีวิตพิชิตหนี้กันต่อไป
3 หนี้กำลังจะเสียหรือหนี้ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษหรือ SM.ในเดือนสิงหาคม 2567 ในระบบของเครดิตบูโรมาหยุดอยู่ที่ 6.4 แสนล้านบาทคิดเป็น 4.7% นิ่งๆ มาตรการปรับโครงสร้างหนี้เชิงป้องกันหรือ DR หรือ Preemptive Debt Restructure. ที่เริ่มให้มีการบันทึกข้อมูลในระบบเครดิตบูโรตั้งแต่เมษายน 2567 ตอนนี้มียอดสะสมจนถึงสิงหาคม 2567 คิดเป็นจำนวน 1ล้านบัญชีเศษ ผมก็ไม่รู้ว่าทำกันมากน้อยเพราะไม่มีตัวเลขเปรียบเทียบก่อนหน้าเดือนเมษา 2567 เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้เก็บข้อมูลนี้ จำนวนเงินที่ทำ DR สะสมจนถึงตอนนี้ 5.4แสนล้านบาท มาตรการนี้เป็นเหมือนฝายทดน้ำไม่ให้ SM.ไหลไปเป็น NPLs เพราะตามเกณฑ์การให้สินเชื่อที่รับผิดชอบ เจ้าหนี้ต้องยื่นข้อเสนอให้ลูกหนี้ถ้าเห็นว่าลูกหนี้จะผ่อนตามเงื่อนไขเดิมไม่ไหว กล่าวคือปรับโครงสร้างหนี้ก่อนที่จะค้างเกิน 90วัน ที่กำลังมีจำนวนทวีเพิ่มคือ ลูกหนี้เริ่มร้องมาที่เครดิตบูโรว่า พอเขาไปทำ DR. มันกลายเป็นเหตุทำให้เขาขอสินเชื่อไม่ได้ ถูกปฎิเสธ หรือบางลูกหนี้บอกว่าเขายอมเข้าโครงการ DR.เพราะนึกว่าวันไม่ใช่การปรับโครงสร้างหนี้ที่จะมีการใส่รหัสไว้ในรายงานเครดิตบูโร บางรายก็บอกว่าข้อเสนอเจ้าหนี้ที่ให้ทำ DR. ไม่พูดชัดว่าถ้าทำแล้วอาจจะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง กล่าวสรุปคือบอกว่า รู้ว่าจะโดนปฎิเสธสินเชื่อก็อาจจะไม่เข้าโครงการ DR. ท่านที่ออกกติกา โปรดลงไปพูดจาให้เกิดการปฎิบัติอย่างที่ท่านมุ่งหมายด้วย เป้าตัวเลขที่อยากได้ กับปริมาณคำร้องมันเริ่มทวีมากขึ้น เอาใจลูกหนี้มากก็เละ ไม่ชัดกับเจ้าหนี้ก็ละล้าละลังกัน สถานการณ์กลับก็ไม่ได้ ไปก็ไม่ถึง ถ้ายังเป็นแบบนี้ ทำอยู่ผิดที่ 10 ปีก็ไม่ถึงเป้าหมาย