Fitch Ratings คงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยที่ BBB+

Date:

นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่  8 พฤศจิกายน 2567 บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch Ratings (Fitch) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) ณ ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) โดยมีรายละเอียดที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการบริหารหนี้สาธารณะดังนี้

Fitch คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตอย่างต่อเนื่องโตจาก 2.6% เป็น 3.1% ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปี 2568 นักท่องเที่ยวจะกลับเข้ามา อยู่ในระดับเดียวกับก่อนเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากนโยบายรัฐบาลในการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวต่าง ๆ ตลอดจนการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายภาครัฐและภาคเอกชนเป็นสำคัญ อีกทั้งกรอบการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคยังมีความเข้มแข็งในการรับมือกับความท้าทาย อาทิ รายได้ต่อหัว และดัชนีธรรมาภิบาล (World Governance Indicators: WGI) เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับเดียวกัน (Peers) อย่างไรก็ดี การดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องอาจทำให้มุมมองความเสี่ยงทางการคลังในระยะ ปานกลางเพิ่มขึ้นได้ 

ภาคการคลังยังคงมีเสถียรภาพ แม้รัฐบาลจะยังคงดำเนินนโยบายขาดดุล โดยปี 2568 จะขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นเป็น 4.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของ Peers ที่ 3.2% ขณะที่รัฐบาลมีความพยายามปรับลดการขาดดุลงบประมาณเพื่อเข้าสู่สมดุลทางการคลัง (Fiscal Consolidation) อันจะมีผลให้ระดับหนี้สาธารณะปรับเข้าสู่ระดับมีเสถียรภาพใกล้เคียงกับค่ากลางของ Peers ในระยะต่อไป            

ในส่วนของหนี้ภาครัฐบาล (General Government Debt) ซึ่งครอบคลุมหนี้ที่รัฐบาล กู้โดยตรง กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลรับภาระ หน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 61.2% ของ GDP ภายในปี 2569 และจะยังคงอยู่ในระดับดังกล่าวไปจนถึงปี 2571 ซึ่งสะท้อนถึงการปรับลดงบประมาณรายจ่ายแบบค่อยเป็นค่อยไปหลังจากปี 2568 

กรณีหนี้สาธารณะของประเทศไทยซึ่งครอบคลุม หนี้ที่กระทรวงการคลัง หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจกู้ หรือกระทรวงการคลังค้ำประกันมีอายุเฉลี่ยยาวและต้นทุนดอกเบี้ยต่ำมีส่วนช่วยสนับสนุนการสร้างเสถียรภาพทางการคลังในระยะปานกลาง อีกทั้งรัฐบาลสามารถระดมทุนด้วยต้นทุนต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับ Peers เนื่องจากตลาดการเงินภายในประเทศเอื้ออำนวยและมีการบริหารการคลังที่เข้มแข็ง นอกจากนี้ ภาระดอกเบี้ยต่อรายได้ปี 2567 คาดว่าจะอยูที่ 6% ซึ่งต่ำกว่าค่ากลางของ Peers ที่ 9% 

ภาคการเงินต่างประเทศ (External Finance) แข็งแกร่ง โดยดุลบัญชีเดินสะพัดคาดว่า       จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 2.1% ในปี 2567 เป็น 2.9% ในปี 2568 อีกทั้งทุนสำรองระหว่างประเทศยังอยู่ในระดับสูงกว่า 7.4 เดือน ขณะที่ค่ากลางของ Peers อยู่ที่ 5.6 เดือน นอกจากนี้ ประเทศไทยจะยังคงรักษาสถานะเจ้าหนี้ต่างประเทศสุทธิ (Large Net External Creditor) ทั้งระดับประเทศ (Sovereign) และระดับเศรษฐกิจโดยรวม (Economic – Wide Basis) ปี 2568 ที่ระดับ 36.9% และ 43.0% ของ GDP ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศ BBB และ A

ปัจจัยสำคัญที่ Fitch จะติดตามและพิจารณาอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของประเทศไทย อาทิ ความสามารถในการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะปานกลาง การลดลงของสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Debt/GDP) อย่างมีนัยสำคัญ ความผันผวนทางการเมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจ และการปรับตัวทางการคลังล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ 

อนึ่ง กระทรวงการคลังโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มีดำริให้สำนักงานบริหาร หนี้สาธารณะติดตามเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภาวะเศรษฐกิจและการบริหารหนี้สาธารณะ โดยเฉพาะการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศที่อยู่ระหว่างการฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

นายกฯ อนุทิน เดินสายเศรษฐกิจ นโยบายดีเอาหมด

นายกฯ อนุทิน เดินสายต่อคุยภาคธุรกิจ นโยบายดีเอาหมด คิวต่อไปพบสมาคมแบงก์หารือสภาพคล่อง

ถอนเงินไม่ใช้บัตร ผ่านเครื่องกรุงศรี เอทีเอ็มทั่วประเทศ

ถอนเงินไม่ใช้บัตร ได้ง่ายและสะดวกขึ้น ผ่านเครื่องกรุงศรี เอทีเอ็มทั่วประเทศ

กรุงศรี ยึดที่มั่นหนึ่งในใจลูกค้าจากความสำเร็จของ Krungsri GIFT

กรุงศรี ยึดที่มั่นหนึ่งในใจลูกค้าจากความสำเร็จของ Krungsri GIFT คว้ารางวัล Best Customer Loyalty and Rewards Programme in Thailand

นายกฯ อนุทิน นำทีมเศรษฐกิจพบหอการค้า เร่งฟื้นศก.ประเทศให้เข้มแข็ง

นายกฯ อนุทิน นำทีมเศรษฐกิจพบหอการค้า เน้นโจทย์หลักเร่งฟื้นศก.ประเทศให้เข้มแข็ง ย้ำทูลเกล้าฯครม.แล้ว