
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.38 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงหนัก” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 33.02 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิด ณ วันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม)
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา รวมถึงช่วงวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันหยุดทำการของตลาดการเงินฝั่งไทย เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง จนทะลุโซนแนวต้าน 33.30 บาทต่อดอลลาร์ ไปทดสอบโซนแนวต้านสำคัญ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.91-33.52 บาทต่อดอลลาร์) ตามการกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่ได้แรงหนุนจากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน หลังสหรัฐฯ กับจีนบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราว ซึ่งภาพดังกล่าวได้ทำให้ ผู้เล่นในตลาดทยอยคลายกังวลความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงหนัก และทยอยลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด จนล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้ง ในปีนี้ (นักวิเคราะห์บางส่วนถึงกับปรับเปลี่ยนมุมมองการลดดอกเบี้ยจากกลับมาลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกรกฎาคม เป็นเดือนธันวาคม)
นอกจากนี้ เงินบาทยังถูกกดดันเพิ่มเติมจากการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่มีจังหวะย่อตัวลงไปถึงโซน 3,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้าง ตามแรงขายทำกำไรการรีบาวด์ขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการรีบาวด์ขึ้นบ้างของราคาทองคำ
สัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มเฟดไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย กอปรกับความหวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้าและรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ทยอยออกมาดีกว่าคาด ได้ช่วยหนุนเงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น
สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรจับตา รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด พร้อมทั้ง รอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ เอเชีย
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทยังมีโอกาสทยอยอ่อนค่าลงได้ หลังโมเมนตัมการอ่อนค่ามีกำลังมากขึ้น โดยเงินบาทยังพอมีแรงกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับบรรดานักลงทุนต่างชาติ ทว่าทิศทางเงินบาทจะขึ้นกับ เงินดอลลาร์ รวมถึงแนวโน้มราคาทองคำและบรรดาสกุลเงินเอเชีย ส่วนฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาตินั้น อาจเห็นแรงซื้อหุ้นไทยเพิ่มเติมได้ ทว่าอาจเห็นแรงขายทำกำไรสถานะลงทุนในบอนด์สั้นและบอนด์ยาวของไทยมากขึ้น
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า การแข็งค่าของเงินดอลลาร์อาจชะลอลงบ้าง และมีความเสี่ยง Two-Way Volatility ซึ่งจะขึ้นกับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางนโยบายการเงินของเฟด โดยต้องรอลุ้นว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ จะยังคงออกมาสดใส หรือไม่
เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.95-33.75 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.25-33.60 บาท/ดอลลาร์