
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ยังประเมินผลกระทบสหรัฐฯ ขึ้นภาษีไทย จะมีผลกับเศรษฐกิจไทยอย่างไร ไม่ได้ เพราะไทยยังอยู่ระหว่างการเจรจา ต้องรอดูว่าสุดท้ายผลจะออกมาอย่างไร จะมีความชัดเจนเห็นรายละเอียดต่าง ๆ มากขึ้น
ทั้งนี้ การรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ต้องร่วมมือกันทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ และภาคการเงิน ที่ผ่านมาทุกภาคส่วนได้มีการหารือร่วกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งผลระยะสั้น การเยียวยา แต่ยังมีเรื่องระยะยาวไปจนถึงการเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน เพื่อใช้โอกาสนี้ปรับตัว
นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า เบื้องต้นมองว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ครั้งนี้ น่าจะมาจากหลายช่องทาง ทั้งกลุ่มที่ส่งออกไปสหรัฐฯ และกลุ่มที่จะถูกกระทบจากสินค้าที่จะทะลักเข้ามาในประเทศ จากการที่ไม่สามารถส่งออกไปสหรัฐฯ ได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ซึ่งผู้ประกอบการเป็นเอสเอ็มอี มีความเปราะบางสูง
นายเศรษฐพุฒิ ระบุว่า การเข้าไม่ถึงสินเชื่อของเอสเอ็มอี ไม่ได้เกิดจากเกณฑ์ของ ธปท. แต่มาจากความเสี่ยงของผู้ประกอบการ ทำให้สถาบันการเงินไม่กล้าปล่อยสินเชื่อให้ โดยวิธีแก้ไขต้องค้ำประกันสินเชื่อ ผ่านบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ที่จะช่วยลดความเสี่ยงให้กับผู้ประกอบการ และช่วยให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น
ในส่วนของข้อเรียกร้องให้ ธปท. ปรับลดอัตราดอกเบี้ย และดูแลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนนั้น ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่ ธปท. จะต้องเตรียมมาตรการรับมือสถานการณ์ต่าง ๆ การที่ ธปท. ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจนั้นได้มีการพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ แล้ว เช่นเดียวกับเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ได้เคยมีการชี้แจงอย่างต่อเนื่อง และในระยะต่อไปจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในเดือน ส.ค. ก็จะมีการพิจารณาข้อมูลต่าง ๆ ประกอบด้วย โดยอยากย้ำว่าการตัดสินใจใช้นโยบาย หรือมาตรการต่าง ๆ นั้น ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีมาตรการอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณาด้วย