
นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการลงทะเบียนและการเตรียมความพร้อมในการใช้จ่ายของประชาชน และความคืบหน้าการลงทะเบียนร้านค้าในโครงการคนละครึ่ง พลัส (โครงการฯ) ดังนี้
1. การเตรียมความพร้อมในการใช้จ่ายของประชาชน
โครงการฯ ได้เปิดรับลงทะเบียนประชาชนตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2568 เป็นต้นมา โดยมีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ครบจำนวน 20 ล้านรายแล้ว เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2568 ทั้งนี้ ประชาชนผู้ได้รับสิทธิจะสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 (เวลา 06.00 – 23.00 น.)ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งจะได้รับวงเงินสนับสนุนค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าและบริการที่กำหนดในอัตราร้อยละ 50 ทั้งนี้ ไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อวัน แต่ไม่เกินจำนวนวงเงินสิทธิที่กำหนด โดยประชาชนผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเฉพาะแบบ ภ.ง.ด. 90 ภ.ง.ด. 91 หรือ ภ.ง.ด. 95 ในปีภาษี 2567 จะได้รับวงเงินสิทธิไม่เกิน 2,400 บาทต่อคน และประชาชนทั่วไปจะได้รับวงเงินสิทธิไม่เกิน 2,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาใช้จ่ายของโครงการฯ
สำหรับการเริ่มใช้จ่ายตามโครงการฯ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ)
ได้มีการเตรียมความพร้อมของระบบเพื่อรองรับการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ของประชาชนไว้แล้ว อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความแออัดในการใช้งานแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ของประชาชนในวันแรกที่อาจเข้าใช้งานเป็นจำนวนมากพร้อมกัน ประชาชนสามารถสมัครใช้งานบริการ G-Wallet (กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของภาครัฐ) ที่อยู่ในผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และเตรียมเติมเงินเข้า G-Wallet ไว้ล่วงหน้า ก่อนวันเริ่มใช้จ่าย เพื่อใช้สำหรับสแกนใช้จ่ายในโครงการฯ หรือทยอยเติมเงินในช่วงเวลาต่าง ๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ ผู้ได้รับสิทธิจะต้องใช้สิทธิโครงการฯ โดยซื้อสินค้าหรือบริการในโครงการฯ ครั้งแรกผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งหากพ้นระยะเวลาดังกล่าว จะถือว่าไม่ประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ และถูกตัดสิทธิในโครงการฯ
นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ
ผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยสามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป (เวลา 06.00 – 21.00 น.) ซึ่งมีผู้ให้บริการ Food Delivery Platform เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 4 ราย ได้แก่ (1) บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด (Grab) (2) บริษัท ไลน์แมน (ประเทศไทย) จำกัด (Lineman) (3) บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด (ShopeeFood) และ (4) บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด (Robinhood)
2. ความคืบหน้าการลงทะเบียนร้านค้าในโครงการฯ สำหรับความคืบหน้าของการลงทะเบียนร้านค้าในโครงการฯ จากข้อมูลสะสม ณ วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2568 เวลา 15.00 น. มีร้านค้าที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ดังตาราง
ร้านที่ค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน (ราย)
1. ร้านค้าที่ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว 523,603
1.1 ร้านค้ารายเดิม 94,669
1.2 ร้านค้ารายใหม่ 428,934
2. ร้านค้าที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการสมัคร 101,741
2.1 รอให้ร้านค้าเข้ามากดยอมรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการฯ 97,300
2.2 รอดำเนินการตรวจสอบ 4,441
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการร้านค้าที่สนใจและมีคุณสมบัติเป็นไปตามเงื่อนไขที่โครงการฯ กำหนด สามารถทยอยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากโครงการฯ จะเปิดให้ร้านค้าเริ่มรับชำระเงินจากประชาชนผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ได้ในวันที่ 29 ตุลาคม 2568 และร้านค้ายังสามารถลงทะเบียนได้จนกว่ากระทรวงการคลังจะปิดรับสมัครร้านค้าในวันที่ 19 ธันวาคม 2568
โครงการฯ ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยมีผู้ลงทะเบียนได้รับสิทธิจนครบ 20 ล้านสิทธิ
อย่างรวดเร็ว อีกทั้ง โครงการฯ ได้มีการปรับเพิ่มวงเงินสิทธิที่รัฐสมทบต่อวันเป็นไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อวัน (เดิม 150 บาทต่อคนต่อวัน) ซึ่งร้านค้าจะได้ประโยชน์จากการร่วมโครงการฯ ในการนี้ โฆษกกระทรวงการคลังจึงขอเชิญชวนร้านค้าสมัครเข้าร่วมโครงการฯ นอกจากนี้ สำหรับร้านค้าที่สมัครเข้าร่วมโครงการฯ แล้ว ขอให้ตรวจสอบการยินยอม รับทราบ และยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขในแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ด้วย เพื่อให้การลงทะเบียนร้านค้าสำเร็จ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังขอยืนยันว่า จะไม่มีการส่งข้อมูลยอดขายให้กรมสรรพากรแต่อย่างใด




