
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่งพลัส ณ วันที่ 4 พ.ย. 2568 มียอดการใช้จ่ายสะสมทั้งสิ้น 1.4 หมื่นล้านบาท โดยมีประชาชนใช้จ่ายสำเร็จ 18.09 ล้านคน คาดว่าจะมาใช้สิทธิเต็ม 20 ล้านคนที่ลงทะเบียน ซึ่งต้องใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พ.ย. 2568 นี้
ในส่วนของร้านค้าที่เข้าโครงการสำเร็จ 7.43 แสนร้านค้า จากร้านค้าที่ลงทะเบียนที่ลงทะเบียนและผ่านการตรวจสอบข้อมูลแล้ว 8.34 แสนร้านค้า
ขณะ ที่ Food Delivery ลงสำเร็จแล้ว 4.59 หมื่นราย แบ่งเป็น Line Man 2.97 หมื่นร้านค้า, GrabFood 1.4 หมื่นร้านค้า, Robinhood 503 ร้านค้า และ ShopeeFood จำนวน 1.64 พันร้านค้า จากร้านค้าที่ลงทะเบียนเข้าร่วม Food Delivery ทั้งสิ้น 6.19 หมื่นร้านค้า
“คลังอยากย้ำเตือนประชาชนที่ได้รับสิทธิในโครงการคนละครึ่งพลัส จำนวน 20 ล้านคนว่า ต้องเริ่มใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พ.ย. 2568 ไม่เช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ และขอยืนยันว่าจะไม่มีการนำสิทธิดังกล่าวมาเปิดลงทะเบียนรอบเก็บตกอย่างแน่นอน โดยเบื้องต้นรัฐบาลจะนำสิทธินั้นไปใช้ในเฟส 2 โดยพุ่งเป้าหมายไปที่ประชาชนที่ตกหล่น ลงทะเบียนไม่ทัน หรือกลุ่มที่ควรได้รับสิทธิแต่ยังไม่ได้รับสิทธิเป็นหลัก” นายลวรณ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าโครงการคนละครึ่ง พลัส เฟส 2 นั้น ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุว่า รัฐบาลจะเริ่มทำให้เร็วที่สุด และดีที่สุด โดยขณะนี้ได้มีการหารือถึงแนวทางเบื้องต้นในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 4 พ.ย. แล้ว แต่อยากให้รอความชัดเจนอีกครั้ง โดยยืนยันว่าโครงการคนละครึ่ง พลัส ที่ให้สิทธิ 20 ล้านคน รวมถึงการเติมเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อีก 13.5 ล้านคน รวมเป็น 33.5 ล้านคน ถือเป็นการดำเนินการที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยทำมา ซึ่งน่าจะครอบคลุมประประชาชนอย่างเหมาะสมแล้ว
ในส่วนของร้านค้าที่ฉวยโอกาสขึ้นราคา โดยบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% นั้น ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ และหน่นวยงานท้องถิ่นได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบอย่างใกล้ชิดแล้ว โดยยืนยันว่าร้านค้าไม่สามารถบวกภาษีเข้าไปเพิ่มกับราคาสินค้าได้ เพราะตามระบบ VAT แล้ว ราคาสินค้าสุทธิจะต้องรวมภาษีเรียบร้อยแล้ว และอยากชี้แจงว่าโครงการนี้ช่วยให้ร้านค้าขายสินค้าได้ดีขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องและทำไม่ได้ที่จะฉวยโอกาสในการขึ้นราคาสินค้า ส่วนการอ้างว่าร้านค้าขายดีจนไม่มีเงินจ่ายภาษี จึงต้องบวก VAT นั้น ที่ผ่านมากระทรวงการคลังยืนยันมาตลอดว่าจะไม่มีการเข้าไปดึงร้านค้าเข้าระบบภาษี ดังนั้นไม่ว่าจะขายดีหรือไม่จะใช้ข้ออ้างนี้ไม่ได้




