
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.คลัง กล่าวว่า ในช่วงเดือนที่ผ่านมาสัญญาณเศรษฐกิจมีสัญญาณใหม่ที่ดีเกิดขึ้นมากในเชิงธุรกิจรู้สึกได้ว่ามีความคึกคักมากขึ้น ในเชิงประเทศก็ต้องเตรียมพร้อมจะทำยังไงให้สัญญานี้ดีอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามา 1 เดือน เห็นสัญญาณเศรษฐกิจที่มันแผ่วมาก ชีพจรมันเต้นเบามาก เต้นเบาเหมือนจะดับเหมือนเศรษฐกิจไทยจะดิ่งเหว โชคดีที่มันติดหล่มอยู่เหลืออีกนิดเดียวมันก็จะตกเหวแล้ว ตัวเลขเศรษฐกิจที่คาดไว้เดิม ไตรมาส 3 ขยายตัวได้ 1.7% ไตรมาส 4 จะโต 0.3% จะเห็นว่าเศรษฐกิจเดิมที่คาดไว้มันแผ่วมาก
นายเอกนิติ กล่าวว่า แต่วันนี้ 1 เดือนที่ผ่านมา สิ่งที่รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจสั่นต่อเนื่อง จะเห็นว่าชีพจรเริ่มกระตุกขึ้นมาแล้ว สัมผัสได้จากบรรยากาศทั่วประเทศหลายอันเริ่มกระตุกขึ้นมา จากมาตรการคนละครึ่งพลัส การเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปีนี้ เดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 0.3% จะขยายตัวเพิ่มเป็น 1.1%
นอกจากสัญญาณเศรษฐกิจ เรื่องการลงทุนโดยตรงของนักลงทุนดีขึ้น การขอลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) โตขึ้นมากกว่า 90% ในปีที่ผ่านมา หากนับเป็นจำนวนโครงการเพิ่มขึ้น 30% จากที่ทั้งโลกการลงทุนโดยตรง หรือ FDI ลดลง
อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการติดตามเร่งให้เกิดการลงทุนจริง ซึ่งมีโครงการที่ขอค้างท่ออยู่ถึง 4.7 แสนล้านบาท ผ่านมาตรการ FAST PASS เม็ดเงินลงทุนขนาดใหญ่และอุตสาหกรรมใหม่ จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีหน้า นี่คือหัวใจนโยบายเศรษฐกิจที่ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลที่บอกว่ากระตุ้นสั้นได้ผลยาวและกระจายตัว
นายเอกนิติ กล่าวว่า นอกจากนี้รัฐบาลได้เร่งมาตรการการเบิกจ่าบงบประมาณ การแก้หนี้ครัวเรืนอ ที่จะออกมาตรการแก้หนี้เสียคนที่ไม่เกิน 1 แสนบาท 3.5 ล้านคน มูลหนี้ 4.7 แสนล้านบาท เทียบกับเอ็นพีแอลทั้งระบบก็คือครึ่งหนึ่ง โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สมาคมแบงก์รัฐ จะเริ่มแก้เฟสแรก ช่วยคนได้ประมาณ 2 ล้านคน โดยโอนหนี้ไปไว้ที่ AMC ปรับโครงสร้างหนี้ ให้ลูกหนี้เดินหน้าผ่อนชำระต่อได้ และมีการประสานกับเครดิตบูโร เมื่อลูกหนี้ชำระดีตามเงื่อนไข ก็จะทำให้ประวัติกลับมาดีทันที เพื่อที่จะได้ขอกู้เงินใหม่ได้อีกครั้ง




