
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 กรมสรรพากรร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้เข้าตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการออกและใช้ใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพิ่มเติม จำนวน 2 แห่ง มีมูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นได้ยึดเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ ที่สงสัยว่าจะมีประโยชน์ต่อการตรวจสอบภาษีอากร และจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 9 คน ในความผิดฐาน “ร่วมกันมีเจตนาออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออก” อันเป็นความผิดตามมาตรา 90/4 (3) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งสืบเนื่องมาจากการสืบสวนขยายผลที่มีการจับกุมตัวบงการและเครือข่ายการฉ้อโกงภาษี เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา โดยกรมสรรพากร ร่วมกับ บก.ปอศ. จัดแถลงข่าวความร่วมมือดังกล่าวในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ณ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.)
ทั้งนี้ การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการบูรณาการกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร จำนวนรวมกว่า 80 นาย เปิดปฏิบัติการ “จบเกมส์กลโกงภาษี” หรือ “Anti Tax Fraud Operation Phase 2” เข้าจับกุมกลุ่มเครือข่ายที่ได้ร่วมกระทำความผิดดังกล่าว โดยได้เข้าดำเนินการตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา จำนวน 9 หมาย (พื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก 6 หมาย/พื้นที่ จ.เชียงใหม่ 1 หมาย/พื้นที่ จ.ลำปาง 1 หมาย และพื้นที่ กทม. 1 หมาย) และตรวจค้นเพื่อหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องตามหมายค้นอีกจำนวน 2 หมาย ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก 2 จุด ในเวลาพร้อมเพรียงกัน
ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า “สืบเนื่องจากการตรวจค้นจับกุมเครือข่ายกลุ่มผู้กระทำความผิด กรณีมีการออกใบกำกับภาษีระหว่างกันในกลุ่มผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างยอดขายและยอดซื้อโดยไม่ได้มีการประกอบการจริง และจัดตั้งนิติบุคคลขึ้นเพื่อประกอบกิจการส่งออกและขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ได้มีการซื้อขายสินค้าระหว่างกันจริง ซึ่งได้เข้าปฏิบัติการเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา กรมสรรพากร และ บก.ปอศ. ได้ร่วมกันทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่การขออนุมัติศาลเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำความผิดเพิ่มเติมในครั้งนี้ ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายระบบภาษีมูลค่าเพิ่มและสร้างความเสียหายให้แก่รัฐเป็นอย่างมาก โดยผู้ที่ออกและใช้ใบกำกับภาษีโดยไม่มีการซื้อขายสินค้าระหว่างกันจริง ต้องรับผิดทางแพ่งและมีโทษทางอาญา โดยกรณีการออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีมีสิทธิที่จะออกตามมาตรา 86/13 แห่งประมวลรัษฎากร เป็นความผิดอาญาตามมาตรา 90/4 (3) แห่งประมวลรัษฎากร และกรณีนำใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไปใช้ในการเครดิตภาษี เป็นความผิดอาญา ตามมาตรา 90/4 (7) แห่งประมวลรัษฎากร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือน ถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่ สองพันบาทถึงสองแสนบาท”




