วิจัยกรุงศรี คาดเศรษฐกิจไทยพ้นภาวะถดถอยทางเทคนิค

Date:

วิจัยกรุงศรี ประเมินว่า สภาการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ ประกาศ GDP ไทย ไตรมาส 3 ปี 2568 ต่ำกว่าคาดที่ 1.2% YoY และ -0.6% QoQ อย่างไรก็ตาม ทั้งปี 2568 วิจัยกรุงศรียังคงประมาณการจีดีพีไทยไว้ที่ 2.1%

สภาพัฒน์ฯ รายงานเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ขยายตัวเพียง 1.2%  ต่ำกว่าที่วิจัยกรุงศรีและตลาดคาดไว้ที่ 1.4% และ 1.6% ตามลำดับ โดยชะลอลงจาก 2.8% ในไตรมาส 2 เนื่องจากแรงขับเคลื่อนอ่อนแรงลงหลายด้าน นำโดย (i) การหดตัวของการส่งออกภาคบริการ (-10.7%) (ii) การชะลอตัวของการส่งออกสินค้า (+10.8% vs +14.3% ในไตรมาส 2) และ (iii) การหดตัวของการลงทุนและการบริโภคภาครัฐ (–5.3% และ -3.9% ตามลำดับ) จากการลดลงของภาคก่อสร้างและความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณ สำหรับการบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัว (+2.6%) แต่การใช้จ่ายด้านบริการเติบโตช้าลงตามภาวะท่องเที่ยวที่อ่อนแอและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง ส่วนการลงทุนภาคเอกชนทรงตัวที่ +4.2% แม้การลงทุนด้านก่อสร้างหดตัว ล่าสุดสภาพัฒน์ฯ คงคาดการณ์ GDP ปีนี้ขยายตัวที่ 2.0% และคาดการณ์ปี 2569 เติบโตที่ 1.2-2.2% (ค่ากลางที่ 1.7%)

ตัวเลข GDP ในไตรมาส 3 ออกมาต่ำกว่าคาด โดยมีสาเหตุหลักจาก (i) การบริโภคภาครัฐและการลงทุนภาครัฐที่อ่อนแรงลง ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสดังกล่าว (ii) การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวที่ช้ากว่าประเมิน และ (iii) ปัจจัยชั่วคราว อาทิ การปิดโรงกลั่นเพื่อซ่อมบำรุง และการปิดโรงงานบางแห่งชั่วคราวเพื่อย้ายฐานการผลิต

สำหรับในระยะข้างหน้า แรงกดดันจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมจะเริ่มส่งผลต่อภาคการผลิตและการค้า แต่คาดว่าในไตรมาส 4 ปัจจัยบวกจากทิศทางการเมืองที่ชัดเจนขึ้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งพลัสและมาตรการเที่ยวดีมีคืน รวมถึงการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและกิจกรรมภาคบริการให้ปรับดีขึ้น หนุนให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) และจะช่วยให้หลีกเลี่ยงภาวะถดถอยทางเทคนิคได้ทั้งนี้ วิจัยกรุงศรียังคงประมาณการอัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทยตลอดทั้งปี 2568 ที่ 2.1%

ทางการเปิดตัวโครงการปิดหนี้ไว ไปต่อได้ ช่วยแก้หนี้รายย่อย ขณะที่รายได้ที่เติบโตต่ำนับเป็นโจทย์ใหญ่ของหนี้ครัวเรือน กระทรวงการคลัง ธปท. และสถาบันการเงินร่วมกันเปิดตัวโครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company: AMC) ภายใต้ชื่อ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” โดยมุ่งเป้าหนี้เสียไม่มีหลักประกันที่เป็น NPL โดยมียอดสินเชื่อไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 ซึ่งในระยะแรกจะครอบคลุมลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์และบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์จำนวนประมาณ 1.6 ล้านบัญชี หรือ 1.2 ล้านราย ภาระหนี้รวม 43,600 ล้านบาท โดยบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) จะรับซื้อหนี้ของลูกหนี้กลุ่มเป้าหมายข้างต้น เพื่อนำมาปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนเพื่อให้ลูกหนี้กลับมาจ่ายชำระหนี้ได้

แม้โครงการดังกล่าวจะช่วยบรรเทาภาระของลูกหนี้รายย่อยได้ แต่ปัญหาเชิงโครงสร้างจากรายได้ที่เติบโตช้ายังเป็นโจทย์ใหญ่ของหนี้ครัวเรือนที่รอการแก้ไข โดยผลสำรวจข้อมูลรายได้และรายจ่ายของครัวเรือนของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุดในช่วงปี 2564–2566 ชี้ว่ารายได้เฉลี่ยของครัวเรือนเพิ่มขึ้นเพียงปีละราว 1,806 บาท ใกล้เคียงกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นปีละ 1,803 บาท ส่งผลให้ครัวเรือนแทบไม่มีรายได้ส่วนเกินสำหรับการออมหรือชำระหนี้อย่างยั่งยืน กลุ่มที่น่ากังวลคือครัวเรือนรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งมีมากกว่า 69% ของประเทศ โดยเฉพาะครัวเรือนรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือน ที่ทั้งรายได้และรายจ่ายลดลง สะท้อนกำลังซื้อที่หดตัวและความสามารถในการจ่ายหนี้ที่ลดลง ในระยะต่อไปการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนจึงต้องอาศัยการยกระดับรายได้และผลิตภาพของแรงงานควบคู่กันไป

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

นายกฯ อนุทิน ยืนยัน ‘ทรัมป์’ บอกแล้วเจรจาภาษีต่อ

นายกฯ อนุทิน ยืนยัน ‘ทรัมป์’ บอกแล้วเจรจาภาษีต่อ ลุ้นต่ำกว่า 19% เป็นเรื่องของการเจรจาต่อรองที่ไทยต้องให้ดีที่สุด

“พาณิชย์” ถกผู้บริหาร ผู้นำเข้าข้าวไทยรายใหญ่สหรัฐฯ

“พาณิชย์” ถกผู้บริหาร Otis McAllister ผู้นำเข้าข้าวไทยรายใหญ่สหรัฐฯ รับมือมาตรการภาษีทรัมป์ ให้ไทยก้าวสู่ Food Security Hub

หนี้เสีย NPL ธนาคารพาณิชย์ทรงตัวที่ 5.44 แสนล้านบาท

หนี้เสีย NPL ธนาคารพาณิชย์ทรงตัวที่ 5.44 แสนล้านบาท แต่หนี้จ่อเป็น NPL เพิ่มขึ้น 6-7 แสนล้าน

AOT จับมือ กรุงไทย ยกระดับบริหารการเงินด้วย Krungthai BUSINESS

AOT จับมือ กรุงไทย เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรดิจิทัลเต็มรูปแบบ ยกระดับการบริหารจัดการทางการเงินด้วย Krungthai BUSINESS