
นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ แบงก์ชาติ เป็นประธานกล่าวในการเปิดงาน Thailand Smart Money กรุงเทพฯ ครั้งที่ 16 เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2568 ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 ไม่ดี ซึ่งรัฐบาลพยามประคับประคองเศรษฐกิจอยู่ คาดว่าเศรษฐกิจปี 2568 จะโตได้ 2.0-2.2% โดยมีการส่งออกช่วย เพราะการขึ้นภาษีสหรัฐ 19% กับสินค้าไทยยังไม่ได้ส่งผลกระทบรุนแรงมาก
สำหรับเศรษฐกิจปีหน้า จะไม่เหมือนปีนี้ การท่องเที่ยวอาจจะดีขึ้นบ้าง แต่ส่งออกน่าจะกระทบจากการที่สหรัฐฯ เร่งนำเข้าในช่วงครึ่งปีแรกและต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ในช่วงครึ่งปีแรก 2569 เศรษฐกิจอาจจะยุบลงนิดนึง ทั้งปีคาดว่าจะโตได้ 1.6%
สำหรับเงินเฟ้อปี 2568 ต้องยอมรับว่าต่ำมาก เงินเฟ้อทั่วไปน่าจะติดลบเล็กน้อย เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.6% และปี 2569 เงินเฟ้อทั่วไปจะกลับมาขยายตัว 0.5% และเงินเฟ้อพื้นฐานน่าจะขยายตัวได้ใกล้ 1%
เศรษฐกิจไทย มีปัญหาโครงสร้าง
นายวิทัย กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยมีปัญหาเชิงโครงสร้างจริงๆ มากมายเล ตั้งแต่ขีดความสามารถในการแข่งขันที่เราไม่ได้ลงทุนมาต่อเนื่องหลายปี ยังอยู่ในอุตสาหกรรมเดิมๆ ในขณะที่โลกเปลี่ยนแปลงไปชัดเจน นอกจากนี้ยังมีปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่กัดก่อนการบริโภคในประเทศที่ปัจจุบันขยายตัวได้ประมาณ 2% จากเดิมที่ขยายตัวได้ 4-7%
ส่งผลกระทบมาถึงการลงทุนต่ำก็ กำลังการผลิตเหลือมาก เพราะไม่รู้ว่าจะผลิตมาทำไม เพราะผลิตมาก็ขายไม่ได้เพราะกำลังซื้อไม่มีหรืออ่อนแอมาก
สินเชื่อติดลบ 5 ไตรมาสติด
นายวิทัย กล่าวว่า การปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ขยายตัวติดลบมา 5 ไตรมาสติดต่อกัน หรือ 15 เดือน โดยสินเชื่อบ้าน และสินเชื่อรถยนต์ขยายตัวติดลบแรงมาก นอกจากนี้สินเชื่อเอสเอ็มอีขยายตัวติดลบมา 13 ไตรมาส หรือ 36 เดือน หรือ 3 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณที่สำคัญมาก เพราะเอสเอ็มอีมีส่วนขับเคลื่อนจีดีพีไทยถึง 70%
“เศรษฐกิจจะวนเวียนอยู่อย่างนี้ เพราะเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่ยังไม่นับปัญหาโครงสร้างของสังคมสูงวัยที่ทำให้ระดับการบริโภคลดลงแน่นอน ปัญหาการเมืองที่ไม่แน่นอนไม่นิ่ง หวังว่าการเลือกตั้งรอบนี้ หวังว่าจะได้รัฐบาลพรรคเดียว พรรคไหนมาขอให้อยู่ยาวยาวไปเลย 4 ปี นโยบายจะได้ชัด ปัญหาเรื่องธรรมาภิบาล และปัญหาทุจริตคอรัปชัน เป็นปัญหาเหนี่ยวรั้งเศรษฐกิจ ถ้าไม่แก้ปัญหาเรื่องโครงสร้าง ไม่แก้ปัญหาเรื่องธรรมาภิบาล เศรษฐกิจไทยก็จะมีปัญหาแก้ไม่ได้” ผู้ว่าแบงก์ชาติ กล่าว
ผู้ว่าแบงก์ชาติ ขอแบงก์พาณิชย์รับความเสี่ยงเพิ่ม ปล่อยสินเชื่อช่วยเศรษฐกิจ
นายวิทัย กล่าวว่า แบงก์ชาติเชิญชวนทุกคนช่วยกันแก้ไขปัญหาเศราฐกิจ อยากชวนให้แบงก์ต้องยอมรับความเสี่ยงเพิ่มมากกว่าปกติ เพื่อปล่อยสินเชื่อให้กับลูกหนี้มากขึ้น จะเป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจ ทำให้มีเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ดีขึ้น
ในส่วนของแบงก์ชาติเองก็มีการปรับตัว จากเดิมที่ดูแลเศรษฐกิจผ่านโยบายการเงิน ที่ต้องยอมรับว่าเป็นมาตรการเหวี่ยงแห มีขีดจำกัด แม้ว่านโยบายการเงินจะช่วยการดูแลสภาพคล่อง และอัตราเงินเฟ้อได้ระดับหนึ่ง แต่กว่าจะเห็นผลต้องใช้เวลานาน และนโยบายการเงินแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไม่ได้
ดังนั้นที่ผ่านมา แบงก์ชาติได้ทำนโยบายเฉพาะจุดแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจ เริ่มตั้งแต่แก้ปัญหาหนี้เสียสำหรับลูกหนี้ที่ไม่เกิน 1 แสนบาท โดยการโอนไปให้ บริษัทบริหารสินทรัพย์สุชุมวิท (SAM) 1.6 ล้านราย ปรับโครงสร้างหนี้ ลดดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมทั้งหมด และลดเงินต้นให้ในระดับที่เหมาะสมให้ลูกหนี้ผ่อนชำระหนี้ต่อได้ จากโครงการนี้ คาดว่าทำให้หนี้เสียดังกล่าว กลับมาเป็นลูกหนี้ปกติได้ 5 -8 แสนราย กับเข้าสู่ระบบช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อีกครั้ง
นอกจากนี้แบงก์ขาติ จะตั้งกองทุนค้ำประกันให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อให้สถาบันการเงินกล้าที่จะปล่อยกู้มากขึ้น โดยจะกำหนดกลุ่มเป้าหมายเอสเอ็มอี ในอุตสาหกรรมที่มีขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น ท่องเที่ยว รถอีวี ค้าส่งค้าปลีก อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป มาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ หวังว่าจะลดความเสี่ยงเครดิตให้กับสถาบันการเงินและกล้าปล่อยกู้เอสเอ็มอีของประเทศมากขึ้น
สำหรับปี 2569 แบงก์ชาติจะทำการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเฉพาะจุดเพิ่มเติม ทั้งการปัญหาการเข้าไม่ถึงสินเชื่อของรายย่อย ปัญหาเรื่องการคิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งที่ผ่านมาแบงก์ชาติอาจจะไม่ได้เน้นความสำคัญของบทบาทนี้ แบงก์ชาติก็พยายามกลับมาอยู่ในจุดยืนของแบงก์ชาติที่ควรเป็น
“ที่ผ่านมา 20 ปี อดีตผู้ว่าแบงก์ชาติท่านประสาร พูดไว้ 4 คำว่าแบงก์ชาติต้อง ยืนตรง มองไกล ยื่นมือ ติดติด ซึ่งในส่วน 2 คำแรกแบงก์ชาติทำได้ดีอยู่แล้ว แต่บทบาท 2 คำหลัง ยื่นมือ ติดดิน แบงก์ชาติจะทำเพิ่มขึ้น แบงก์ชาติจะยื่นมือไปช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างมากกว่าเรื่องการทำนโยบายทางการเงิน จะยื่นมือไปช่วยแก้ปัญหาช่วยคนช่วยประชาชน ท้ายที่สุดต้องถามว่าทำทุกเรื่องที่แบงก์ชาติทำประชาชนได้ประชาชนได้ประโยชน์อะไร ทำไปตอบไม่ได้ว่าประชาชนได้อะไร ก็ถือว่าแบงก์ชาติทำหน้าที่ไม่สำเร็จที่แท้จริง” นายวิทัย กล่าว
แบงก์ชาติ จับมือคลัง ขับเคลื่อนและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ
นายวิทัย กล่าวว่า แบงก์ชาติทำงานร่วมกับกระทรวงการคลังเต็มที่ มีการหารือกันทุกวัน แม้ว่าในหลายเรื่องจะมองปัญหาจะเห็นปัญหาไม่เหมือนกัน แต่เป็นความเห็นต่างที่สร้างสรรค์ที่จะช่วยกันทำงาน ช่วยกันแก้ปัญหาให้ออกมาปฏิบัติได้ผลจริง ซึ่งแบงก์ชาติมีอิสระการทำงาน เรื่องนโยบายทางการเงินได้รับอิสระไม่ถูกแทรกแซง
“ทั้งแบงก์ชาติ และกระทรวงการคลัง ต่างรับฟังเห็นต่างและให้ความเป็นอิสระซึ่งกันและกัน แต่ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ถือเป็นที่ดีมาก สุดท้ายนี้อยากเรียนเชิญทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง ช่วยกันยื่นมือไปช่วยแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ” นายวิทัย กล่าว




