
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยของประเทศ เดินหน้าขับเคลื่อนพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” อย่างเข้มแข็ง โดยตลอดระยะ 2 ปี (ข้อมูล ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2566 – 30 พฤศจิกายน 2568) ภายใต้การนำองค์กรของนายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ทำให้คนไทยมีบ้านเพิ่มขึ้น 392,000 บัญชี ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษรวมกว่า 460,000 ล้านบาท ควบคู่ภารกิจสร้างวินัยการเงินให้คนไทยผ่านการเปิดบัญชีออมเงินกว่า 220,000 ราย และช่วยลูกค้ารักษาบ้านไว้ได้กว่า 590,000 บัญชี ผ่านมาตรการแก้ไขหนี้ภาคครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรม เดินหน้าวางรากฐานด้านเทคโนโลยีขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน ยกระดับการทำงานทุกมิติ พร้อมตอบแทนสังคมอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการด้าน CSR สร้าง – ซ่อมแซม ที่อยู่อาศัยให้ผู้ด้อยโอกาส รวมแล้ว 5,120 หลัง

นายอัครุตม์ สนธยานนท์ ประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่ดำเนินงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง มีภารกิจหลักในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อยและปานกลางได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการอัดเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ ธอส. เป็นผู้นำอันดับ 1 ในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งระบบ
โดยในปี 2568 ธอส. ได้รับเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ 241,780 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ธอส. ยังทำหน้าที่สนับสนุนนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ (Quick Big Win) ของรัฐบาล จัดทำมาตรการแก้ไขหนี้ครัวเรือนผ่าน 6 มาตรการสำหรับลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) และลูกค้าสถานะ NPL ทำให้ ธอส.สามารถช่วยรักษาบ้านให้กับคนไทยได้เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ ธอส. ยังทำหน้าที่ช่วยเหลือลูกค้าและประชาชนที่ประสบปัญหาด้านต่างๆ ในทุกช่วงเวลา จัดทำมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และ ฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกค้าและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ครอบคลุมการพักชำระหนี้ กู้เพิ่มเพื่อซื้ออุปกรณ์ฯ และกู้เพื่อซ่อมแซมอาคารหรือปลูกสร้างอาคารหลังเดิมที่ได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อช่วยให้ลูกค้ากลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ ธอส. ดำเนินการได้เป็นอย่างดี

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ธอส. เดินหน้าสานต่อพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมเป็นกลไกหลักของรัฐบาลในการอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยการปล่อยสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยพิเศษให้แก่ลูกค้าและประชาชนหลากหลายอาชีพ ส่งผลให้ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ทำให้คนไทยมีบ้านได้รวม 215,130 ล้านบาท จำนวน 200,848 บัญชี คิดเป็น 89% ของเป้าหมายทั้งปี 2568 ที่ตั้งไว้ 241,780 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นสินเชื่อสำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลางวงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท สูงถึง 112,143 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17.9% โดยตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา (ข้อมูล ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2566 – 30 พฤศจิกายน 2568) สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ทำให้คนไทยมีบ้านเพิ่มขึ้น 392,000 บัญชี คิดเป็นวงเงินสินเชื่อในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจกว่า 460,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการตาม Financial Landscape ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ริเริ่มการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อยกระดับ “โครงการ ธอส. โรงเรียนการเงิน” ผ่าน Application : GHB ALL GEN สำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแต่ไม่สามารถขอสินเชื่อได้เนื่องจากขาดเอกสารหลักฐานรายได้ สามารถออมเงินหรือเดินบัญชี (Statement) เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 12 เดือน เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาขอสินเชื่อ และได้ขยายความร่วมมือกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ดำเนินโครงการบ้าน ธอส. โรงเรียนการเงิน X Developer สนับสนุนให้ลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการจัดสรรออมเงินหรือเดินรายการทางการเงิน (Statement) จากการประกอบธุรกิจผ่าน Application : GHB ALL GEN เพื่อสร้างวินัยทางการเงินอย่างเป็นระบบ เพิ่มความสามารถในการยื่นขอสินเชื่อกับ ธอส. และสร้างโอกาสในการมีบ้านเป็นของตนเองได้ในอนาคต ปัจจุบันมีผู้สนใจลงทะเบียนเพื่อเปิดบัญชีเงินออมกว่า 220,000 ราย และมีลูกค้าได้รับสินเชื่อจาก ธอส. มากกว่า 50,000 ราย
ขณะเดียวกัน ธอส. ยังช่วยรักษาบ้านให้กับลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง ผ่านมาตรการแก้ไขหนี้สินภาคครัวเรือน ทั้งการพักชำระดอกเบี้ย ลดเงินงวดและลดอัตราดอกเบี้ย รวมถึงสนับสนุนโครงการคุณสู้ เราช่วย ของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดเงินงวดผ่อนชำระให้กับลูกค้าตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมมาตรการแล้วกว่า 115,000 บัญชี ซึ่งสามารถช่วยลูกค้ากลับมามีสถานะปกติและรักษาบ้านของตนเองไว้ได้กว่า 590,000 บัญชี
“ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) พบว่า อัตราการเติบโตของสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลทั่วไปปล่อยใหม่ ทั้งประเทศ 9 เดือนแรกปี 2568 หดตัว 6.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2567 แต่ ธอส. ยังคงปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ปล่อยใหม่ได้ 15.6% ส่งผลให้ ธอส. ก็จะยังเป็นผู้นำในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย สะท้อนความมุ่งมั่นทำให้ คนไทยมีบ้านเป็นของตนเอง โดยเฉพาะประชาชนในกลุ่มที่มีข้อจำกัดด้านหลักฐานแสดงรายได้ ได้เข้าไปดูแลให้ประชาชนกลุ่มนี้ให้เข้าถึงสินเชื่อได้บนพื้นฐานการมีวินัยทางการเงินที่ดี ส่งผลให้ปัจจุบัน ธอส. มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 43.7% สูงสุดในรอบ 20 ปี” นายกมลภพ กล่าว
นอกจากนี้ ธอส. ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนโดยวางรากฐานการใช้ประโยชน์เทคโนโลยียกระดับการทำงานและให้บริการทางการเงินในทุกมิติ ผ่านการดำเนินโครงการต่าง ๆ ในช่วงปี 2567 – 2568 ดังนี้
1. โครงการปรับปรุงและว่าจ้างบริการบำรุงรักษาระบบ GHB System : ธอส. ประสบความสำเร็จในการอัปเกรดระบบงานหลัก CORE BANK ให้มีเสถียรภาพและความต่อเนื่องเพื่อให้บริการลูกค้า เพิ่มความรวดเร็วในการทำธุรกรรม และรองรับการเติบโตทางธุรกิจของธนาคารในอนาคต สอดคล้องกับเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
2. โครงการ IT Infrastructure Modernization : เป็นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อรองรับเทคโนโลยี AI
3. โครงการ Dynamic Customer : ระบบประมวลผลการบูรณาการข้อมูลลูกค้าผ่านทุกช่องทางของธนาคาร เพื่อยกระดับการให้บริการที่เข้าใจและตรงใจลูกค้า
4. โครงการ Near Real Time : เป็นการเฝ้าระวังและตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Fraud Detection System) โดยสามารถแจ้งเตือน (Alert) ความผิดปกติได้แบบ Near Real Time ซึ่งเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน รวมถึงลดความเสียหายที่อาจเกิดจากภัยทุจริตทางการเงิน ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจ ในการใช้บริการดิจิทัลของธนาคารมากขึ้น
5. การใช้ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ในระบบสารสนเทศที่ดิน เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์และด้านเทคนิค ให้สามารถนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ร่วมกัน ทำให้การพิจารณาสินเชื่อมีความถูกต้องและแม่นยำ ลูกค้าได้รับบริการที่รวดเร็ว และศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ สามารถนำข้อมูลไปใช้ประเมินสถานการณ์และแนวโน้มการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
6. โครงการระบบ GHB Digital Appraisal ระยะที่ 3 ขยายฐานการให้บริการลูกค้าด้านการประเมินราคาให้ครอบคลุมพื้นที่ที่มียอดสินเชื่อในปริมาณที่สูงในแต่ละภูมิภาครวม 24 จังหวัดหลัก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการด้านการประเมินราคาได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้การพิจารณาสินเชื่อมีความรวดเร็วมากขึ้น
สำหรับแนวทางการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่ธนาคารที่เติบโตอย่างยั่งยืน ในมิติ ESG ธนาคารได้ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และอยู่ภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการ ESG Loan โครงการสินเชื่อเพื่ออาคารคาร์บอนต่ำ โครงการขยายฐานสินเชื่อปล่อยใหม่กลุ่ม Social Solution โครงการสินเชื่อสำหรับผู้สูงอายุ และโครงการ ธอส. โรงเรียนการเงิน ฯลฯ การดำเนินการทั้งหมดนี้ของ ธอส. สะท้อนถึงความมุ่งมั่น “เดินหน้า” ยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้าและประชาชน เพื่อวางรากฐาน ธอส. เติบโตอย่าง “มั่นคง” และ “ยั่งยืน”




