“มหกรรมร่วมใจแก้หนี้” ของคลังและแบงก์ชาติเริ่ม 26 ก.ย.นี้

Date:

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือประชาชนที่มีปัญหาการชำระหนี้เนื่องจากยังไม่สามารถปรับตัวได้แม้สถานการณ์เศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้นหลังการแพร่ระบาดโควิด19 คลี่คลาย หน่วยงานต่างๆ ได้มีโครงการช่วยเหลือประชาชนที่มีปัญหาการชำระหนี้โดยต่อเนื่อง

สำหรับโครงการที่เพิ่งสิ้นสุดลงไป คือ มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ ของกระทรวงยุติธรรม ที่ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถาบันการเงินทั้งของรัฐและเอกชน ดำเนินการไกล่เกลี่ยหนี้ตั้งแต่เดือน ก.พ. 65 เป็นต้นมารวม 77 ครั้ง ใน 77 จังหวัด ช่วยเหลือประชาชนทั้งสิ้น 78,520 คน ทุนทรัพย์ 19,487 ล้านบาท ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี ค่าธรรมเนียมศาล ค่าทนายความ 5,905 ล้านบาท

นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรมยังได้จัดมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้รอบเก็บตก ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 8-11 ก.ย. 65 ที่ผ่านมา ข้อมูล 3 วันแรก (8-10 ก.ย.) มีลูกหนี้ของสถาบันการเงิน รวมถึง กยศ. เข้าร่วมกว่า 6,000 คน มีผู้ยื่นขอไกล่เกลี่ย 5,023 คน ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 4,787 คน รวมทุนทรัพย์ 1,648 ล้านบาท สามารถลดค่าใช้จ่ายประชาชนได้ 405 ล้านบาท

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า หลังสิ้นสุดโครงการของกระทรวงยุติธรรมแล้ว ประชาชนที่มีปัญหาการชำระหนี้ ยังสามารถเข้าร่วม “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ : มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ดำเนินการโดยกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจะเป็นการเปิดช่องทางการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้ระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้ ซึ่งมีสถาบันการเงินทั้งธนาคารและนอนแบงก์ บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) เข้าร่วม 56 แห่ง ครอบคลุมสินเชื่อ ทั้งที่อยู่อาศัย บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์/จักรยานยนต์ จำนำทะเบียน

มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ จะแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 ดำเนินการระหว่างวันที่ 26 ก.ย.-30 พ.ย. 65 เป็นการไกล่เกลี่ยหนี้ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยผู้ที่สนใจเข้าร่วมสามารถลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย www.bot.or.th หรือติดต่อสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ฝ่ายคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน โทรศัพท์ 1213 หรือ E-mail : fcc@bot.or.th

สำหรับระยะที่2 จะเป็นการสัญจรไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ระหว่างเดือน พ.ย. 65-ม.ค. 66 ซึ่งจะมีทั้งการเจรจาแก้ปัญหาหนี้เดิม ให้คำปรึกษาเสริมทักษะด้านการเงิน และให้สินเชื่อเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่จำเป็น ส่วนวัน เวลา สถานที่ที่จะจัดงาน ธปท. และกระทรวงการคลังจะแจ้งให้ทราบต่อไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นอกจากโครงการไกล่เกลี่ยหนี้ดังกล่าวมาแล้ว ยังมีโครงการช่วยเหลือผู้ที่เป็นหนี้เสีย (NPL) คือโครงการคลินิกแก้หนี้ ดำเนินการโดย ธปท. ร่วมกับสถาบันการเงินทั้งรัฐและเอกชน ที่ล่าสุด คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการคลินิกแก้หนี้ (กคน.) ได้ปรับปรุงเงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้ในโครงการคลินิกแก้หนี้เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ใน 2 เรื่อง ได้แก่

1) ปรับเกณฑ์คุณสมบัติการสมัครเข้าร่วมโครงการ ให้ครอบคลุมลูกหนี้ที่มีสถานะเป็น NPL จากเดิม ก่อนวันที่ 1 เม.ย. 65 เป็นก่อนวันที่ 1 ก.ย. 65 เพื่อรองรับหนี้เสียรายใหม่ให้สามารถเข้าร่วมโครงการได้มากขึ้น

2) ปรับทางเลือกการปรับโครงสร้างหนี้ จากเดิมที่มีทางเลือกเดียวเป็น 3 ทางเลือก เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้ที่อาจมีศักยภาพชำระหนี้มากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ ได้แก่ 1.ผ่อนชำระไม่เกิน 4 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี 2. ผ่อนชำระนานกว่า 4 ปี แต่ไม่เกิน 7 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี และ 3.ผ่อนชำระนานกว่า 7 ปี แต่ไม่เกิน 10 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี

โดยผู้สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถสมัครผ่านทางเว็บไซต์ www.คลินิกแก้หนี้.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทรศัพท์ 1213

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

“นภินทร” เพิ่มศักยภาพกาแฟไทย

“นภินทร” เพิ่มศักยภาพกาแฟไทยขึ้นทะเบียน “กาแฟระนอง - กาแฟดอยมูเซอตาก” GI น้องใหม่ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมยกระดับกาแฟไทยสู่ตลาดสากล

“พิชัย” ถก ”ทูตสหรัฐ“ ดันการต่ออายุโครงการ GSP

“พิชัย” ถก ”ทูตสหรัฐ“ ดันการต่ออายุโครงการ GSP ชวนลงทุน Data Center และ Cloud Service เพิ่มมูลค่าการค้า ชูไทยพร้อมเป็น Food Security Hub 

ผลักดันไม้ยืนต้นสู่หลักประกันทางธุรกิจ

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ผลักดันไม้ยืนต้นสู่หลักประกันทางธุรกิจ ติวเข้มเกษตรกร จ.ราชบุรี แปลงไม้ยืนต้นเป็นเงินทุน

”พิชัย“ ปลื้ม คลีนิกแพทย์จีนหัวเฉียว-ม.หัวเฉียวฯ

”พิชัย“ ปลื้ม คลีนิกแพทย์จีนหัวเฉียว-ม.หัวเฉียวฯ จับมือ 5 สถาบันแพทย์จีนชั้นนำ เปิดนวัตกรรม AI ตรวจโรค สานสัมพันธ์การแพทย์-การค้า-ลงทุน ไทย-จีน