
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีตำรวจนครบาลจับกุม นายหน้าประกันวินาศภัยรายหนึ่ง ในความผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งในเบื้องต้นนายหน้าประกันวินาศภัยรายดังกล่าว ได้ให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดจริง ด้วยการเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 แบบเจอ จ่าย จบ ให้แก่ผู้เอาประกันภัยผ่านแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก แต่ไม่ดำเนินการให้มีการทำสัญญาประกันภัยเกิดขึ้นแต่อย่างใด
สำนักงาน คปภ. สั่งการให้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตของผู้ถูกจับกุม พบว่า มีใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยและมีใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิตและใบอนุญาตยังไม่หมดอายุ จึงได้สั่งการให้สายกฎหมายและคดี สำนักงาน คปภ. ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายหน้าประกันภัยรายนี้ ได้ยอมรับกับพนักงานเจ้าหน้าที่ สำนักงาน คปภ. ว่าได้รับเงินค่าเบี้ยประกันภัยจากผู้เอาประกันภัยและไม่ได้นำส่งให้บริษัทประกันภัยจริง
ดังนั้น การกระทำดังกล่าวของนายหน้าประกันภัยรายนี้ จึงเป็นการดำเนินงานที่ก่อหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย หรือประชาชน นายทะเบียนจึงได้มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยและใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิตแล้ว
ทั้งนี้ผู้ที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตรายดังกล่าวจะไม่สามารถกระทำการเป็นตัวแทน นายหน้าประกันภัยหรือขอรับใบอนุญาตใหม่ได้ภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับความผิดที่เข้าข่ายการฉ้อฉลประกันภัย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อยู่ระหว่างประสานพนักงานสอบสวนเพื่อขอเอกสารหลักฐานเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป