นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. มุ่งสนับสนุนเกษตรกรในการสร้างภูมิคุ้มกันและบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการผลิต โดยใช้การประกันภัยพืชผลเป็นเครื่องมือคุ้มครองความเสียหายจากกรณีเกิดภัยธรรมชาติ ได้แก่ ภัยน้ำท่วม/ฝนตกหนัก ภัยแล้ง/ฝนแล้ง/ฝนทิ้งช่วง ลมพายุ/พายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาว/น้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ ช้างป่า และศัตรูพืช/โรคระบาด ประกอบด้วย โครงการประกันภัยข้าวนาปี วงเงินคุ้มครอง จำนวน 1,260 บาทต่อไร่ ยกเว้นกรณีเกิดภัยศัตรูพืช/โรคระบาดคุ้มครอง 630 บาทต่อไร่ โครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ วงเงินคุ้มครอง จำนวน 1,500 บาทต่อไร่ กรณีเกิดภัยศัตรูพืช/โรคระบาดคุ้มครอง 750 บาทต่อไร่ และมีเป้าหมายในการทำประกันภัยบนพื้นที่การเกษตรทั่วประเทศกว่า 46 ล้านไร่
สำหรับโครงการประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2564 ใกล้สิ้นสุดระยะเวลาการรับประกันภัย โดย ณ 30 มิถุนายน 2565 ธ.ก.ส. ได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนประกันภัยข้าวนาปีไปแล้ว จำนวน 19 ครั้ง เป็นเงินกว่า 1,531 ล้านบาท พื้นที่เสียหาย 1.2 ล้านไร่ และประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน 10 ครั้ง เป็นเงิน 34.7 ล้านบาท พื้นที่เสียหาย 23,141 ไร่ โดยมีเกษตรกรได้รับประโยชน์รวมกว่า 113,668 ราย
ในการดำเนินงาน เมื่อเกษตรกรผู้ทำประกันภัยได้รับความเสียหาย จะแจ้งความเสียหายที่สำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ จากนั้นสำนักงานเกษตรอำเภอทำการส่งข้อมูลไปยังสมาคมประกันวินาศภัย เพื่อประเมินข้อมูลความเสียหาย เมื่อตรวจสอบครบถ้วนแล้ว สมาคมฯ จะพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขภายใน 15 วัน ผ่านระบบ ธ.ก.ส. จากนั้น ธ.ก.ส. จะดำเนินการโอนเงินค่าสินไหมทดแทน เข้าบัญชีเงินฝากของเกษตรกรโดยตรง
นายธนารัตน์ กล่าวว่า ปีการผลิต 2564 มีเกษตรกรให้ความสนใจทำประกันภัยข้าวนาปี จำนวน 3.7 ล้านราย พื้นที่การเกษตรกว่า 43 ล้านไร่ และประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน 99,339 ราย พื้นที่การเกษตรกว่า 1.6 ล้านไร่ ซึ่งช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการผลิตได้เป็นอย่างดี โอกาสนี้ ธ.ก.ส. ขอเชิญชวนเกษตรกรเข้าร่วมโครงการดังกล่าวในปีการผลิต 2565 เนื่องจากจะช่วยลดความเสี่ยงด้านการผลิตในสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศโลกที่มีแนวโน้มรุนแรงและมีความถี่มากขึ้น