ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 (เม.ย.-มิ.ย.) มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 7,127.5 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 มีผลกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว 593.1 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 1.1
บริษัทฯ มีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 395.3 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.5 และมีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 988.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 โดยเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 844.6 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 7.93 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนของปี 2567 (ม.ค.-มิ.ย.) บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 15,211.7 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.7 มีผลกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว 906.1 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 14.9 มีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 860.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.4 และมีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 1,766.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 โดยเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,534.3 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 9.2 และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 14.41 บาท
กรุงเทพประกันภัยมุ่งมั่นดูแลใส่ใจในทุกความต้องการของลูกค้า ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่เหมาะสมกับความเสี่ยงในปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการยกระดับนวัตกรรมการบริการที่เหนือความคาดหวัง สะดวก รวดเร็ว เข้าถึงง่าย พร้อมสร้างความเชื่อมั่นด้วยการมีเงินทุน เงินกองทุน สินทรัพย์ที่มั่นคงและแข็งแกร่ง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเเละขยายโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล โปร่งใสและเป็นธรรม ให้ความสำคัญกับสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น เเละผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ตามปรัชญาในการดำเนินธุรกิจที่บริษัทฯ ยึดมั่นมายาวนานกว่า 77 ปี