นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โครงการแสงแก้ว คือการคืนคุณค่าแห่งชีวิตให้แก่ผู้สูงอายุ เราเชื่อว่าการมองเห็นไม่ใช่เพียงเรื่องของสายตา แต่คือการเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้กลับมามีความหวัง กำลังใจ และศักดิ์ศรีของการใช้ชีวิตอีกครั้ง ความสำเร็จที่เกิดขึ้นตลอด 9 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงพลังของการร่วมมือที่จับต้องได้ และที่สำคัญคือการยืนยันว่าความสุขที่แท้จริง เกิดจากการได้แบ่งปันสิ่งดีคืนกลับสู่สังคม”
“โครงการแสงแก้ว” เกิดขึ้นจากความตั้งใจที่จะบรรเทาปัญหาโรคต้อกระจก ซึ่งเป็นโรคทางตาที่พบมากที่สุดในกลุ่มผู้สูงอายุและเป็นสาเหตุหลักของการสูญเสียการมองเห็นในประเทศไทย โดยทุกปีจะมีผู้ป่วยรายใหม่จำนวนมาก และยังมีผู้ป่วยสะสมที่รอการผ่าตัดจากข้อจำกัดด้านบุคลากรและสถานพยาบาลในพื้นที่ห่างไกล ปัญหาเหล่านี้ทำให้ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยต้องเผชิญกับความเสี่ยงของการตาบอดถาวร ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต สุขภาพจิต และภาระต่อครอบครัวและสังคม
สำหรับโครงการนี้เป็นการผ่าตัดต้อกระจกเพื่อผู้สูงอายุที่ขาดแคลน โดยดำเนินงานร่วมกับโรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว ผ่านหน่วยผ่าตัดต้อกระจกเคลื่อนที่มาตั้งแต่ปี 2560 เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงตั้งแต่สายตาเลือนรางจนถึงระดับตาบอด โดยตลอด 9 ปีที่ผ่านมา โครงการได้สนับสนุนงบประมาณรวมกว่า 8.1 ล้านบาท ใช้ในการผ่าตัดผู้สูงอายุกว่า 810 รายทั่วประเทศ ช่วยคืนการมองเห็น ลดข้อจำกัดในการใช้ชีวิต และเสริมคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับสังคมผู้สูงอายุไทยอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ในปี 2568 โครงการนี้ได้ขยายการคัดกรองเชิงรุก ผ่านหน่วยตรวจสุขภาพดวงตาเคลื่อนที่ไปยังศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ 3 แห่ง ของกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้แก่ ศูนย์วาสนะเวศม์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบุรีรัมย์ และศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุลำปาง เพื่อให้ผู้สูงอายุในสถานสงเคราะห์เข้าถึงโอกาสในการรับการรักษาโดยนำคณะจักษุแพทย์และเจ้าหน้าที่ เพื่อทำการตรวจสุขภาพดวงตาผู้สูงอายุในสถานสงเคราะห์ทุกท่าน พร้อมทั้งคัดกรองเพื่อนำผู้ป่วยโรคต้อกระจกออกมารับการผ่าตัดให้กลับมามองเห็นสิ่งต่างๆ ได้อีกครั้ง เพื่อลดภาวะความเสี่ยงจากการตาบอด
โครงการแสงแก้ว ไม่ได้เป็นเพียงการช่วยเหลือทางการแพทย์เท่านั้น หากยังสะท้อนแนวคิดการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบ ESG (Environmental, Social, Governance) โดยเฉพาะด้าน “สังคม” ที่เมืองไทยประกันชีวิตให้ความสำคัญมาโดยตลอด เพราะการคืนคุณภาพชีวิตแก่ผู้สูงอายุคือการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสาธารณสุข พร้อมทั้งสนับสนุนการคัดกรองและการรักษาที่ช่วยลดภาระ การดูแลระยะยาว อีกทั้งยังดำเนินงานร่วมมือกับโรงพยาบาลและหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิดเพื่อให้โครงการสร้างคุณค่าที่แท้จริงและยั่งยืนแก่สังคมไทย #MuangThaiLife #MTLforSociety #MTLCSR #มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม #ร่วมสร้างรอยยิ้มให้สังคมไทย
“โครงการแสงแก้วไม่เพียงคืนแสงสว่างให้แก่ดวงตา แต่คือการคืนความหวัง พลังใจ และคุณค่าของการดำรงชีวิตเพื่อคุณค่าของการมีชีวิตให้แก่ผู้สูงอายุ ตอกย้ำเจตนารมณ์ของเมืองไทยประกันชีวิตและมูลนิธิเมืองไทยยิ้มที่มุ่งมั่น ‘เติบโตไปพร้อมกับสังคมไทยอย่างมีคุณค่า” นายสาระ กล่าวสรุป
