เที่ยวปฐมฤกษ์ รถไฟไทย-ลาว

Date:

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายไซสงคราม มะโนทัม รองรัฐมนตรีกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว เป็นประธานร่วมเปิดขบวนรถไฟระหว่างประเทศไทย-ลาว รองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากับขบวนรถเร็วที่ 133 เที่ยวปฐมฤกษ์เส้นทางกรุงเทพอภิวัฒน์-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) โดยมีนางสาวณภัทรา กมลรักษา ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก นางสาวมรกต ศรีสวัสดิ์เอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ นายฐากูร อินทรชม  ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ การรถไฟแห่งประเทศไทย และผู้แทนไทยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันอาสฬหบูชานับเป็นวันพระใหญ่ของ สปป.ลาว จึงเป็นฤกษ์ดีในการเปิดเดินรถไฟจากกรุงเทพมหานครถึงสถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) อย่างเป็นทางการ ซึ่งก่อนหน้านี้ สปป.ลาวมีทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างสถานีหนองคายฝั่งไทยกับสถานีท่านาแล้งฝั่ง สปป.ลาว ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร โดยมีขบวนรถโดยสารวิ่งระหว่างหนองคาย-ท่านาแล้งวันละ 4 ขบวน ต่อมาฝ่ายไทยได้ให้ความช่วยเหลือ สปป.ลาวในการก่อสร้างทางรถไฟขนาดทางกว้าง 1.000 เมตร (meter gauge) ระยะที่ 2 ช่วงท่านาแล้ง-เวียงจันทน์ ระยะทาง 7.5 กิโลเมตรที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปลายปี 2566 และได้มีการประชุมระหว่างไทย-ลาว เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดเส้นทางเดินรถไฟ พร้อมกับฝึกอบรมพนักงานขับรถไฟให้กับบุคลากรของการรถไฟลาว และเมื่อวันที่ 14 – 20 พฤษภาคม 2567 รฟท. และ LNRE ได้เริ่มทดลองเดินรถไฟจากสถานีท่านาแล้งไปยังสถานีคำสะหวาด เพื่อทดสอบระบบและตรวจสอบด้านเทคนิค พร้อมทั้งได้มีการทดลองการเดินรถเเสมือนจริงเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ผลการทดสอบเป็นไปด้วยความเรียบร้อย  จึงได้มีการเปิดให้บริการเดินรถเป็นทางการในวันนี้ 

นายสุรพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานีคำสะหวาดตั้งอยู่ที่บ้านคำสะหวาด เมืองไซเสดถา นครหลวงเวียงจันทน์ ห่างจากสถานีท่านาแล้งประมาณ 7.5 กิโลเมตร และห่างจากสถานีนครหลวงเวียงจันทน์ประมาณ 16 กิโลเมตร สถานีนี้มีขนาด 2 ชั้น พร้อมชานชาลา 2 แห่ง โดยชั้นแรกมีพื้นที่ 6,300 ตารางเมตร และชั้นที่สองมีพื้นที่ 3,600 ตารางเมตร ได้รับการสนับสนุนเงินกู้จากสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ภายใต้โครงการก่อสร้างทางรถไฟไทย-ลาว ระยะที่ 2 (สายท่านาแล้ง-เวียงจันทน์) วงเงิน 994 ล้านบาท ประกอบด้วยงานก่อสร้างระบบรางรถไฟหลักระยะทาง 7.50 กม. งานระบบอาณัติสัญญาณ งานก่อสร้างสถานีเวียงจันทน์ บ้านพักเจ้าหน้าที่ ทางเข้าสถานีเวียงจันทน์ และงานจุดตัดทางรถไฟ โดยนายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศได้เป็นประธานในพิธีเปิดใช้สถานีรถไฟเวียงจันทน์(คำสะหวาด) เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา

นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเปิดเดินรถในครั้งนี้เป็นไปตามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร่วมกับรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งชาติลาว (Lao National Railway State Enterprise: LNRE)  โดยใช้พนักงานขับรถของ LNRE เป็นผู้ควบคุมขบวนรถจากสถานีท่านาแล้ง (สถานีระหว่างประเทศ) ไปยังสถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) โดยมีพนักงาน รฟท. เป็นพี่เลี้ยงไปกับรถจักรดีเซลไฟฟ้าด้วย ทั้งนี้ รฟท. ได้จัดฝึกอบรมหลักสูตรการขับรถจักรให้แก่พนักงานขับรถของ LNRE เพื่อให้สามารถควบคุมขบวนรถได้อย่างปลอดภัย โดยสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (สพพ.) ของไทย รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม

นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเปิดเดินรถไฟเส้นทางกรุงเทพอภิวัฒน์-เวียงจันทน์ เชื่อมโยงเมืองหลวงของไทยและ สปป.ลาว จะทำให้การเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศด้วยระบบรางมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น  โดยมีขบวนรถไฟให้บริการวันละ 4 ขบวน ประกอบด้วย ขบวนรถเร็วที่ 133 กรุงเทพอภิวัฒน์-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ขบวนรถเร็วที่ 148 เส้นทางเวียงจันทน์ (คำสะหวาด)-อุดรธานี ขบวนรถเร็วที่ 147 อุดรธานี-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด)

และขบวนรถเร็วที่ 134 เวียงจันทน์ (คำสะหวาด)-กรุงเทพอภิวัฒน์  โดยผู้โดยสารที่จะมา สปป.ลาวสามารถเดินทางมากับขบวนรถเร็วที่ 133 ออกจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์เวลา 20.25 น. ถึงสถานีหนองคายเวลา 07.55 น. ระยะทางประมาณ 621 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง 30นาที จากนั้นลงจากขบวนรถพร้อมกระเป๋าเดินทางและหนังสือเดินทาง (passsport) ที่มีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือน หรือทำบัตรผ่านแดน เพื่อเดินไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สถานีหนองคาย ซึ่งมีให้บริการ 3 ตู้ ตู้ละ 2 ช่อง และเดินผ่านด่านศุลกากร ในขณะที่ขบวนรถไฟจะตัดขบวน 4 ตู้หน้าเลื่อนไปรอด้านทิศเหนือของสถานีหนองคาย เมื่อผู้โดยสารผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว สามารถเดินขึ้นขบวนรถไฟได้เลย โดยใช้เวลาช่วงนี้ประมาณ 40 นาที ก่อนที่ขบวนรถไฟจะออกจากสถานีหนองคายเวลา 08.35 น. ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ผ่านสถานีท่านาแล้งไปยังสถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยขบวนรถไฟจะมาถึงสถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ในเวลา 09.05 น. เมื่อเดินทางมาถึงสถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) แล้ว ผู้โดยสารลงจากขบวนรถไฟจะถูกทางบังคับให้เดินเข้าด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งมีทั้งหมด 3 ตู้ (ตู้ละ 2 ช่อง) ประกอบด้วย

ตู้ที่ 1  (ซ้ายสุด) สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูต และหนังสือเดินทางราชการ

ตู้ที่ 2  (ตรงกลาง) สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทั่วไป และบัตรผ่านแดน

ตู้ที่ 3 สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศอาเซียน (ASEAN Passport)

ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่ได้รับฟรีวีซ่าจาก สปป.ลาว จะมีจุดทำ Visa on Arrival (VOA) อยู่ด้านขวามือสุดของตู้สำหรับผู้หนังสือเดินทางประเทศอาเซียน และเมื่อออกจากอาคารสถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) แล้วจะพบเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วรถโดยสารด้านขวามือ มีรถโดยสารที่เข้าตัวเมืองเวียงจันทน์ จะมีออกแค่ 4 รอบ ช่วงเช้า 9:30 น. กับ 9:40 น. (รับผู้โดยสาร ขบวน133 กับส่งผู้โดยสารขบวน 148)  และช่วงเย็น 18:30 น. กับ 18:45 น. (รับผู้โดยสารขบวน 147 กับส่งผู้โดยสาร 134) ค่าโดยสารผู้ใหญ่ ราคา 20,000 กีบ และเด็ก ราคา 10,000 กีบ นอกจากนี้ยังมีรถแท็กซี่และรถตู้ที่เดินทางไปยังที่ต่างๆ ในนครหลวงเวียงจันทน์ และเมืองใกล้เคียง รวมถึงสถานีรถไฟนครหลวงเวียงจันทน์ (ลาว-จีน) ที่ห่างจากสถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ประมาณ 16 กิโลเมตร   นอกจากนี้ ที่สถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ยังมีช่องสำหรับจองตั๋วรถไฟลาว-จีน (LCR) ซึ่งมีเคาน์เตอร์ขายโดยเฉพาะด้วยด้านซ้ายมือสุดของช่องจำหน่ายตั๋วรถไฟไทย-ลาว สามารถที่จะซื้อตั๋วรถไฟได้เช่นกัน

นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า   ขบวนรถเร็วที่ 133 เส้นทางกรุงเทพอภิวัฒน์- เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) และขบวนรถเร็วที่ 134 เวียงจันทน์ (คำสะหวาด)-กรุงเทพภิวัฒน์ ค่าตั๋วรถไฟนั่งชั้นสามพัดลม ราคา 281 บาท (152ที่นั่ง) ,รถนั่งชั้นสองปรับอากาศราคา 574 บาท (64 ที่นั่ง), รถนั่งและนอนชั้นสองปรับอากาศ (30 ที่นั่ง) เตียงบนราคา 784 บาท และเตียงล่างราคา 874 บาท  ส่วนขบวนรถเร็วที่ 148 เวียงจันทน์ (คำสะหวาด)-หนองคาย-อุดรธานี และขบวนรถเร็วที่ 147 อุดรธานี-หนองคาย-เวียงจันทน์ (คำสะหวาด) คิดอัตราพิเศษ แบ่งเป็นระยะ ดังนี้

– อุดรธานี – เวียงจันทน์ : รถพัดลม 100 บาท / รถแอร์ 200 บาท

– อุดรธานี – หนองคาย  : รถพัดลม 30 บาท / รถแอร์ 80 บาท

– หนองคาย – เวียงจันทน์ : รถพัดลม 70 บาท / รถแอร์ 120 บาท

นายสุรพงษ์ กล่าวปิดท้ายว่า “การเปิดให้บริการรถไฟระหว่างประเทศในครั้งนี้ ถือเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศในการพัฒนารถไฟที่มีประสิทธิภาพ สะดวกสบาย และปลอดภัย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเดินทางและการขนส่งระหว่างกัน รวมถึงกระตุ้นการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว อันจะนำไปสู่การเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยและลาวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น”  ทั้งนี้ การเปิดให้บริการรถไฟสายนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของความร่วมมือระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งชาติลาว (Lao National Railway State Enterprise: LNRE) ที่ได้ร่วมกันผลักดันโครงการพัฒนาโครงข่ายทางรถไฟเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นการยกระดับการคมนาคมขนส่งทางรางในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป

Share post:

spot_img

Related articles

อุ๊งอิ๊งค์ วันแรก ก็โดนเสียแล้ว

อุ๊งอิ๊งค์ วันแรก ก็โดนเสียแล้ว “อาปู กับ หลานอิ๊งค์ แตกต่างกันอย่างไร”

แนะรัฐบาลขึ้นภาษี VAT พาเศรษฐกิจพ้นหายนะ 

อดีต รมว.คลัง แนะรัฐบาลใหม่ขึ้นภาษี VAT เพิ่มรายได้ประเทศแสนล้าน พาเศรษฐกิจพ้นหายนะ

ครม.สืบสันดาน ถูกต้องเหมาะสมแล้ว

“นายเทพไท เสนพงศ์” บอก ครม.สืบสันดาน ถูกต้องเหมาะสมแล้ว

รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง จะรอดข้ามปีมั้ย???

“นายเทพไท เสนพงศ์” ตั้งข้อสังเกต รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง จะรอดข้ามปีมั้ย???

Notice: ob_end_flush(): Failed to send buffer of zlib output compression (0) in /home/ozapeumy/public_html/wp-includes/functions.php on line 5427