เตือนนายกฯ อิ๊งค์ อีกครั้ง กองทุนวายุภักษ์ เสี่ยงผิดกฎหมาย

Date:

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟสบุ๊ก “Thirachai Phuvanatnaranubala – – ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” ระบุว่า

จดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีเรื่องกองทุนวายุภักษ์ (ฉบับที่ ๒)

ด่วนที่สุด

วันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๗

เรื่อง  กองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ อาจจะฝ่าฝืนกฎหมาย (ฉบับที่ ๒)

เรียน  นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี 

อ้างถึง หนังสือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๙๐๓/๑๘๖ ลงวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๗

 ตามที่ข้าพเจ้าได้มีหนังสือฉบับลงวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๗ กรณีกระทรวงการคลังประกาศเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อกองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ (กองทุนฯ) วงเงิน ๑.๕ แสนล้านบาท ในวันที่ ๑๖-๒๐ กันยายนนี้ และให้นักลงทุนสถาบันจองซื้อในวันที่ ๑๘-๒๐ กันยายนนี้ ข้าพเจ้ามีความเห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวอาจจะฝ่าฝืนกฎหมาย จึงได้ให้ข้อมูลมาเพื่อเป็นประโยชน์แก่การปฏิบัติงานของท่าน นั้น บัดนี้ข้าพเจ้าได้รับข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของท่านในเรื่องนี้ ดังนี้

๑. หนังสือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

ข้าพเจ้าได้รับข้อมูลว่า สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๙๐๓/๑๘๖ ลงวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๗ แจ้งเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่า

“กรณีที่กระทรวงการคลังเสนอเรื่อง การเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ให้กับนักลงทุนทั่วไป ความละเอียดทราบแล้ว นั้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้ว เห็นว่า กระทรวงการคลังเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบการเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ให้กับนักลงทุนทั่วไปเพื่อเพิ่มทางเลือกในการออมและการลงทุนให้กับประชาชนในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งเพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ผ่านการลงทุนในกองทุนฯ ที่มีกลไกการคุ้มครองผลตอบแทน อันจะเป็นการสร้างแรงกระตุ้นในการลงทุน และอาจส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้ โดยการดำเนินการดังกล่าวอยู่ในขอบวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ และสามารถเสนอขายหน่วยลงทุนได้ตามที่กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กำหนด กรณีจึงเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของคณะรัฐมนตรีที่จะพิจารณารับทราบได้ตามที่เห็นควร”

๒.  ปัญหาอยู่ที่เงื่อนไข

ข้าพเจ้าขอเรียนว่าขบวนการออกแบบโครงการลงทุนที่มีผู้ถือหน่วยสองประเภท โดยผู้ถือหน่วยประเภทที่ยอมรับความเสี่ยงสูง (equity tranch) ยินยอมรอนสิทธิของตนเองให้แก่ผู้ถือหน่วยประเภทที่ต้องการความเสี่ยงต่ำ (highly rated tranch) นั้น เป็นเรื่องที่กระทำได้ในเชิงธุรกิจ ถ้าให้ผลตอบแทนสูงขึ้นแก่ผู้ถือหน่วยประเภทที่หนึ่งอย่างเป็นธรรม

แต่เงื่อนไขที่ปรากฏข่าวในสำนักข่าวมติชน หนังสือชี้ชวนระบุว่า 

ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. (นักลงทุนทั่วไป) จะได้รับสิทธิในการจ่ายเงินปันผล จ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ ๒ ครั้ง โดยกำหนดอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำร้อยละ ๓ ต่อปี และอัตราสูงสุดร้อยละ ๙ ต่อปี ตลอดระยะเวลาการลงทุน ๑๐ ปีแรก 

และผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. จะได้รับการคุ้มครองในกรณีที่กองทุนมีมูลค่าลดลง โดยผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. จะได้รับเงินคืนก่อนผู้ถือหน่วยประเภท ข. (กระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐ) 

ส่วนผลตอบแทนของผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. (กระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐ) จะถูกคำนวณจากผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริงของกองทุน หักลบด้วยผลตอบแทนของหน่วยลงทุนประเภท ก. ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. อาจไม่ได้รับเงินปันผลหากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้

เงื่อนไขนี้จึงเป็นการคุ้มครองผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. (นักลงทุนทั่วไป) โดยรอนสิทธิออกจากผลตอบแทนของผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. (กระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐ) 

ซึ่งถึงแม้จะมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการจูงใจแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. (นักลงทุนทั่วไป) แต่ก็มีผลเป็นการลดผลตอบแทนของผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. (กระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐ) 

ซึ่งในกรณีผู้ถือหน่วยที่เป็นกระทรวงการคลังย่อมกระทบไปถึงประชาชนทุกคนในประเทศ และในกรณีผู้ถือหน่วยหากเป็นกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกองทุนประกันสังคม หรือกองทุนอื่นในลักษณะเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นผู้ถือหน่วยอยู่แล้วขณะนี้ ย่อมกระทบไปถึงสมาชิกและผู้รับประโยชน์

การเพิ่มการคุ้มครองผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. (นักลงทุนทั่วไป) นั้น ถ้าเป็นไปตามครรลองธุรกิจตลาดทุนปกติ ก็ต้องกำหนดเงื่อนไขให้ผลตอบแทนอย่างอื่นชดเชยแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. (กระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐ) ให้เป็นธรรม 

หรือถ้าหากรัฐบาลเห็นเป็นเรื่องจำเป็นแก่ประเทศชาติที่จะต้องแจกเงินให้แก่นักลงทุนเกินกว่ารายได้จริง รวมทั้งประกันเงินต้นไม่มีความเสี่ยงทั้งที่เป็นการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ชอบที่จะทำได้โดยตั้งงบประมาณเอาเงินไปอุดหนุนโดยผ่านกระบวนการพิจารณาปกติในรัฐสภา ไม่ควรจุนเจือหยิบฉวยเอาจากสาธารณสมบัติของแผ่นดินโดยไม่ผ่านรัฐสภา

นอกจากผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. (กระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐ) จะถูกรอนสิทธิในการได้รับผลตอบแทนแล้ว ข่าวมติชนระบุหนังสือชี้ชวนยังกำหนดอีกว่า ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. จะได้รับการคุ้มครองในกรณีที่กองทุนมีมูลค่าลดลง 

โดยผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. (นักลงทุนทั่วไป) จะได้รับเงินคืนก่อนผู้ถือหน่วยประเภท ข. (กระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐ) 

ซึ่งมีผลโดยอัตโนมัติเป็นการประกันเงินต้นให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. (นักลงทุนทั่วไป) 

เหตุผลเนื่องจากกองทุนฯ มีทรัพย์สินสุทธิรวม (NAV) อยู่ขณะนี้มากถึง ๓๕๓,๕๙๖ ล้านบาท ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. (กระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐ) 

ดังนั้น การที่ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. (นักลงทุนทั่วไป) จะลงทุนในวงเงิน ๑๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ไม่ว่าจะขาดทุนมีมูลค่าลดลงเพียงใด ก็สามารถที่จะเบียดเอาส่วนชดเชยจากทรัพย์สินที่มีอยู่แล้ว ๓๕๓,๕๙๖ ล้านบาทของผู้ถือหน่วยประเภท ข. (กระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐ) ได้ทั้งสิ้น 

๓. การฝ่าฝืนกฎหมาย

ข้าพเจ้าขอเรียนยืนยันว่าถึงแม้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะยืนยันว่าโครงการนี้สามารถทำได้และคณะรัฐมนตรีสามารถรับทราบได้ 

แต่ข้าพเจ้าเข้าใจว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอาจจะมิได้รับข้อมูลว่าจะมีการกำหนดเงื่อนไขที่เป็นการรอนสิทธิของกระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐ และเท่าที่ข้าพเจ้าตรวจสอบข้อมูล ก็ไม่พบว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้นำเสนอเงื่อนไขที่มีผลดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ

 ข้าพเจ้าขอเรียนเพิ่มเติมว่า ถึงแม้การจัดสรรหน่วยลงทุนให้แก่นักลงทุนประเภท ก. (นักลงทุนทั่วไป) จะจำกัดเฉพาะคนไทย แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่คนต่างชาติจะใช้คนไทยเป็นนอมินี หรืออาจจะซื้อหน่วยลงทุนในตลาดรอง รวมทั้งคนต่างชาติอาจจะเข้ามาลงทุนรับประโยชน์โดยเป็นผู้ถือหุ้นในนิติบุคคลจดทะเบียนในไทย

จึงขอให้ท่านโปรดพิจารณาว่าการกระทำที่เกี่ยวข้องถูกต้องตามกฎหมายและหลักธรรมาภิบาลหรือไม่

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

 ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

(นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล)

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

กต. แถลง วงประชุม JBC วันแรก บรรยากาศเป็นไปด้วยดี

กต. แถลง วงประชุม JBC วันแรก บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ยืนยันไทยไม่รับอำนาจศาลโลก ต้องพูดคุยผ่านทวิภาคีเท่านั้น

“พิชัย” ลุย ปลื้มชาวมาเลย์ชอบสินค้าไทย

“พิชัย”ลุย Lotus’s กรุงกัวลาลัมเปอร์ ปลื้มชาวมาเลย์ชอบสินค้าไทย เดินหน้าดันสินค้าเจาะตลาดโมเดิร์นเทรดในมาเลเซีย

สำนักงาน คปภ. เปิดเวทีเสริมสร้างความรู้บุคลากร

สำนักงาน คปภ. เปิดเวทีเสริมสร้างความรู้บุคลากร หลักและวิธีการบังคับใช้กฎหมาย ว่าด้วยการประกันภัย ทางอาญา ทางปกครอง และทางพินัย