นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟสบุ๊ก “Thirachai Phuvanatnaranubala – – ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” ระบุว่า
หลงผิดบาทแข็งกระตุ้นเศรษฐกิจ
ประชาชนคนไทยได้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร จากการเสนอชื่อแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย
เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากประชาชน ดังนั้น คนไทยได้ผู้นำที่คนไทยต้องการแล้ว
มีคำกล่าวโดยนักปรัชญาฝรั่งเศส ตั้งแต่สมัยโบราณว่า We get the government we deserve
หมายความว่า ประชาชนที่โง่ หรือฉลาด ก็จะเลือก คนโง่หรือฉลาด มาเป็นรัฐบาล สะท้อนตัวเอง
เป็นคำพูดที่แดกดัน สมน้ำหน้าประชาชนที่เลือกรัฐบาลไม่มีความสามารถ
สำหรับรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ประชาชนต้องคอยติดตามผลงาน ว่ามีความสามารถหรือไม่ โดยต้องให้เวลาอย่างเป็นธรรม
แต่มีบางเรื่อง ที่ผู้มีความรู้เริ่มกังวลได้แล้ว
ตัวอย่างเช่น ท่านนายกบอกว่า เงินบาทที่แข็งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
ผลต่อเศรษฐกิจจากค่าเงินบาท เปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ย กรณีเงินบาทแข็งจะมีผลคล้ายกับดอกเบี้ยสูง กรณีเงินบาทอ่อนคล้ายกับดอกเบี้ยต่ำ
ภายหลังวิกฤติต้มยำกุ้ง ประเทศไทยเปลี่ยนนโยบายการเงิน จากเงินบาทคงที่กับตะกร้าเงิน exchange rate management ที่มีดอลลาร์เป็นหลัก
ไปเป็นกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ inflation targeting
ในการคุมเงินเฟ้อนั้น ถ้าหากเงินเฟ้อมีแนวโน้มจะสูงเกินไป การขึ้นดอกเบี้ยมีผลชะลอเศรษฐกิจ จะทำให้เงินเฟ้อไม่สูงขึ้น
แต่ในเวลาเดียวกัน ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น ก็จะทำให้ราคาสินค้านำเข้าลดลง ช่วยลดเงินเฟ้อด้วย
นี่เอง ที่เงินบาทแข็งจะมีผลคล้ายกับดอกเบี้ยสูง
บางประเทศที่มีเศรษฐกิจเปิดอย่างมาก ตัวอย่างเช่นสิงคโปร์ ซึ่งต้องเปิดโล่งในฐานะเป็นศูนย์กลางการเงิน
ประเทศลักษณะนี้ไม่สามารถใช้ดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือในการคุมเงินเฟ้อได้
ด้วยเหตุนี้ สิงคโปร์จึงใช้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นเครื่องมือหลัก ในการดำเนินนโยบายการเงิน
สรุปแล้ว เงินบาทแข็งที่มีผลคล้ายกับดอกเบี้ยสูง แทนที่จะมีผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ กลับจะมีผลลดทอนการกระตุ้นเศรษฐกิจ
มีข่าวว่ารัฐบาลนางสาวแพทองธาร คิดจะแต่งตั้งนักการเมืองในฝ่ายของตน ให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการแบงค์ชาติ
ถึงแม้ตำแหน่งนี้ไม่มีอำนาจด้านกำหนดนโยบายการเงิน แต่มีอำนาจในการปกครองกำกับดูแลการทำงานของผู้ว่าฯแบงค์ชาติ
ประธานบอร์ดที่เป็นศัตรู สามารถบันดาลความอึดอัดให้เกิดขึ้นได้
แผนการนี้ นักวิเคราะห์เห็นได้ชัดเจนว่า เพื่อกดดันให้แบงค์ชาติลดดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์และสื่อในตลาดสากล จึงเริ่มมีข้อกังวลว่า รัฐบาลกำลังจะแทรกแซงกระทบความเป็นอิสระของแบงค์ชาติ (ดูลิงค์ข่าว)
การที่รัฐบาลแพทองธารจะแต่งตั้งนักการเมือง เข้าเป็นประธานแบงค์ชาตินั้น จะเป็นครั้งแรกที่เอาการเมืองเข้าไปวุ่นวายในระดับนี้
เปลี่ยนไปจากมาตรฐานเดิมที่ดีอยู่แล้ว ที่เน้นบุคคลมืออาชีพอาวุโสที่ไม่เกี่ยวกับการเมือง
นอกจากนี้ รัฐมนตรีคลังให้ข่าวอีกว่า เตรียมจะนัดประชุมกับผู้ว่าฯแบงค์ชาติ เพื่อปรับเป้าหมายเงินเฟ้อให้สูงขึ้น
อ่านแผนการได้อีกว่า รัฐบาลจะกำหนดเป้าหมายสูงขึ้น เพื่อกดดันให้แบงค์ชาติลดดอกเบี้ย
น่าเสียดาย รัฐบาลมีวิธีลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนด้านอื่น แต่ไม่ทำ
กลับมาหมกมุ่นกับเรื่องกดดันให้แบงค์ชาติลดดอกเบี้ย
สะท้อนรัฐมนตรีคลังขาดทักษะในการประสานงานกับแบงค์ชาติ อดีตนายกเศรษฐาประสานงาอย่างเดียว รัฐมนตีคลังปัจจุบันก็ได้แต่เงียบเชียบ
แต่มาถึงวันนี้ ปัญหาเงินบาทแข็งขึ้นเร็ว กำลังจะแซงปัญหาดอกเบี้ยแล้ว โดยผมพยากรณ์ว่า ปัญหาเงินบาทแข็งจะหนักขึ้นในอีกหลายเดือนข้างหน้า
และเมื่อประชาชนเห็นว่า ได้เลือกนายกรัฐมนตรีที่เข้าใจผิดทาง หลงเข้าใจไปว่าเงินบาทแข็งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
ประชาชนคนไทยก็คงจะเข้าใจได้แล้วว่า We get the government we deserve
วันที่ 25 กันยายน 2567
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ