นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟสบุ๊ก “Thirachai Phuvanatnaranubala – – ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” ระบุว่า
คริปโทในทักษิโนมิคส์
คุณทักษิณกล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลออกพันธบัตรขายสถาบันการเงินเป็นส่วนใหญ่ สถาบันการเงินก็เก็บ รับดอกเบี้ย ไม่ได้ช่วยเศรษฐกิจอะไรเลย
วันนี้ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี เอาจริงเอาจังกับคริปโท และบิตคอยน์ กำลังเพิ่มเงิน เราไม่ทำก็ไม่ทันเขา เราทำอย่างไรให้ประชาชนไม่เกิดความเสี่ยง
“อันหนึ่งคือเรื่องพันธบัตร 8 แสนล้านต่อปี จะต้องเอามาทำประโยชน์ดีไหม ออกพันธบัตรขายบุคคลทั่วไป 1 พัน 1 หมื่นบาท อายุสั้น ๆ ออกในรูปของเหรียญหรือคอยน์ เงินตกไปอยู่ในมือประชาชน ถ้าใช้ ก็เพิ่มเงินหมุนเวียน ถ้าไม่ใช้ ก็รับดอกเบี้ย”
ผมแนะนำว่า ถ้าจะทำแนวคิดนี้ จากฝันเฟื่องในโลกเสมือนจริง (Metaverse) ทำให้เกิดในโลกแห่งความเป็นจริง จะต้องปรับปรุง ดังนี้
1 การที่รัฐบาลออกคริปโท ไม่ได้ทำให้สภาพคล่องสุทธิเพิ่มขึ้น
เมื่อรัฐบาลออกพันธบัตร เงินจะไหลจากเอกชนเข้ารัฐบาล แต่เมื่อรัฐบาลใช้เงิน เงินจะไหลกลับไปเอกชน
ถ้ารัฐบาลกู้ในรูปแบบคริปโท Baht stable coin ก็จะมีผลเช่นเดียวกัน จะไม่ได้ทำให้สภาพคล่องสุทธิเพิ่มขึ้นเช่นกัน และยังก่อให้เกิดข้อกังวลเรื่องการปั่นราคาคริปโทอีกด้วย
ธปท. เท่านั้น ที่สามารถทำให้สภาพคล่องเพิ่มขึ้น ด้วย Quantitative Easing (หรือลดลง ด้วย Quantitative Tightening) ไม่ใช่รัฐบาล
2 รัฐบาลต้องขายพันธบัตรส่วนใหญ่ให้แก่สถาบันการเงิน
ก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง นักลงทุนสากลไม่นิยมซื้อตราสารหนี้สกุลอาเซียน เพราะตลาดไม่พัฒนา ธุรกิจอาเซียนต้องกู้เป็นสกุลดอลล่าร์
หลังวิกฤต มรว.จัตุมงคล โสณกุลมาเป็นผู้ว่า ธปท. ตระหนักว่าการพัฒนาตลาด ต้องสร้าง benchmark สำหรับดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลก่อน
จึงได้ประสานกับกระทรวงคลัง ให้ออกพันธบัตรขายโดยบังคับสถาบันการเงินประมูล เพื่อสร้างอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง 1 ปี 5 ปี 10 ปี ฯลฯ
ต่อมาปี 2545 คุณทักษิณเสนอให้พัฒนาตลาด Asian bonds และ มรว.ปรีดียาธร เทวกุลได้สางต่อ ส่งผมไปเจรจากับแบงค์ชาติประเทศต่างๆ ให้ทำตาม ดังนั้น ไอเดียของคุณทักษิณทำให้ไทยเป็นผู้นำในการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในอาเซียน
นี่เอง ที่การขายพันธบัตรรัฐบาลส่วนใหญ่ยังต้องใช้วิธีสถาบันการเงินประมูล ก็เพื่อสร้าง benchmark
รัฐบาลยังไม่สามารถกู้ส่วนใหญ่ในรูปคริปโท
3 คริปโทสามารถช่วยให้ผู้ออมรายย่อยเข้าถึงพันธบัตรรัฐบาล
วิธีการคือ ต้องมีการสร้าง stable coin ที่ผูกโยงกับค่าเงินบาทเสียก่อน
แล้วจะมีเอกชนแข่งขันกัน เอา Baht stable coin ไปห่อหุ้มพันธบัตรรัฐบาล เรียกว่า tokenize แตกเป็นโทเคนขายแก่ผู้ออม
โทเคนดังกล่าวสามารถซอยย่อย จนกระทั่งผู้ออมสามารถซื้อได้ในจำนวนเงินต่ำ เช่น 1 พัน 1 หมื่นบาท โดยผลตอบแทนจากการถือโทเคน จะล้อตามพันธบัตรรัฐบาล
การซื้อขายโทเคน ถึงแม้จะเป็นจำนวนเงินเล็กน้อย ก็จะสะดวกแม้แต่สำหรับผู้ออมรายย่อย
และภายหลังจากลงทุนระยะหนึ่ง เมื่อผู้ออมต้องการสภาพคล่อง ก็จะขายโทเคนในตลาดได้เลย
ทั้งนี้ Baht stable coin ดังกล่าว ก็ไม่ใช่ดิจิทัลวอลเล็ตที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงแต่ทำไม่ได้จริง แต่ต้องเป็นเหรียญที่ ธปท. อนุญาต หรือที่ ธปท. เป็นผู้ออกเอง