
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟสบุ๊ก “Thirachai Phuvanatnaranubala – – ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” ระบุว่า
นรม.หนีภาษีจริงหรือ?
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้า พปชร.อภิปรายว่า นรม.แพทองธาร
“ได้ทำนิติกรรมอำพราง ยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี”
นรม.ลุกขึ้นชี้แจงเพียง 10 วินาที เลียนแบบที่พลเอกประวิตรเคยกล่าวตอบในอภิปรายไม่ไว้วางใจในอดีตว่า
”ไม่เป็นความจริง“
ต่อมา นส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ สส.เพชรบูรณ์ พปชร. ได้เปิดเผยเอกสารราชการที่ นรม. ยื่นต่อ ปปช. โดยระบุว่า
“บัญชีแสดงรายการหนี้สินอื่นจำนวนกว่า 4,434 ล้านบาท หนี้สินนี้ประกอบไปด้วยหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชำระค่าหุ้นให้กับพี่น้องเครือญาติและบุคคลในครอบครัวของนายกฯ
ซึ่งจากการตรวจสอบตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าว ทั้ง 9 ฉบับเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 ล้วนเป็นตัวสัญญาใช้เงินที่ไม่มีกำหนดระยะเวลา ชำระหนี้คืนและไม่มีการคิดดอกเบี้ย
ซึ่งกรณีนี้ตนเองไม่เข้าใจว่านายกรัฐมนตรีมีเจตนาที่จะผ่องถ่ายทรัพย์สินโอนหุ้นกันระหว่างเครือญาติหรือไม่
เพราะโดยปกติในการกู้ยืมเงินกัน หรือการซื้อขายกันหากมีการกู้ยืมเงินกันจริงก็ต้องมีการกำหนดระยะเวลาใช้คืน และมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้”
สำหรับเรื่องนี้ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร พรรคประชาชน อภิปราย โดยมุ่งเป้าตั้งคำถามการหนีภาษีของนายกฯ
“นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้หุ้นมาจากกงสี พี่สาว พี่ชาย พี่สะใภ้และแม่ มูลค่าสูง 4,434.5 ล้านบาท
แล้วสร้างธุรกรรมการซื้อปลอม ติ๊งต่างทำเป็นซื้อ เพื่อเปลี่ยนจากการได้หุ้นมาเป็นการซื้อ เพื่อหลีกเลี่ยง ‘ภาษีการรับให้’
โดยนายวิโรจน์อ้างว่า เมื่อคำนวนการหนีภาษีของแพทองธารได้หุ้นจากกงสี ต้องเสียภาษีการรับให้ 218.7 ล้านบาท
หากนำมาอุดหนุนเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดจนถึง 6 ขวบ จะดูแลได้ถึง 5,000 คน เป็นค่าอาหารกลางวันเด็ก 30,000 คนต่อปีการศึกษา เบี้ยผู้สูงอายุตลอดทั้งปี มากกว่า 3.5 แสนคน“
นอกจากนี้ ในประเด็นเรื่องนี้ นส.พิมพ์พร อภิปรายด้วยว่า
ถ้าหากสมมุติเป็นการซื้อขายโดยสุจริต
ตาม ปพพ. มาตรา 7 นรม. ยังต้องจ่ายภาษีจากประโยชน์ที่ได้รับจากการออกตั๋วไม่มีดอกเบี้ย ได้ถึง 3% ต่อปี ซึ่งเป็นเงิน 130 ลบ./ปี
ถ้านับสะสมจนถึงปัจจุบัน ก็น่าจะเป็นจำนวนเงินเกือบพันล้านบาท
แต่ไม่ปรากฏว่า นรม. ได้แจ้งผลประโยชน์นี้ต่อกรมสรรพากรเพื่อเสียภาษีเงินได้ ใช่หรือไม่?
อย่างไรก็ดี ผมไม่คิดว่า นรม. จะมีการหนีภาษี เพราะจะทำให้ท่านต้องพ้นตำแหน่งทั้งด้านจริยธรรม และยังจะมีความผิดอาญาอีกหลายกระทง
จึงขอเชียร์ให้ นรม. ชี้แจงต่อสภาให้ชัดเจน ว่า ข้อมูลจากเอกสารราชการเหล่านี้
”ไม่เป็นความจริง“
อีกประเด็นหนึ่ง คือข้อมูลจาก สำนักข่าวอิสรา ระบุว่า
นรม. มีการโอนหุ้นบริษัท ในวันที่ 4 ก.ย. จำนวนเงิน 224.1 ลบ ในวันที่ 5 ก.ย. จำนวนเงิน 169.4 ลบ และในวันที่ 19 ส.ค. จำนวนเงิน 19.99 ลบ
แต่ในรายการทรัพย์สิน หน้า 5 ข้อ 2 รายได้จากทรัพย์สิน ไม่ปรากฏว่า นรม. รายงานรายได้จากการโอนหุ้น 3 บริษัทดังกล่าว
จึงอาจเข้าข่าย เป็นการรายงานที่ไม่ถูกต้อง หรืออาจเป็นการโอนให้บุคคลอื่นถือหุ้นแทน ใช่หรือไม่?
ประเด็นนี้ก็เช่นกัน ต้องระวังว่า อาจจะทำให้ท่านต้องพ้นตำแหน่งทั้งด้านจริยธรรม และยังจะมีความผิดอาญาอีกหลายกระทง
จึงขอเชียร์ให้ นรม. ชี้แจงต่อสภาให้ชัดเจน ว่า ข้อมูลจากเอกสารราชการเหล่านี้
”ไม่เป็นความจริง“