
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการคนละครึ่งพลัส ที่ผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว รัฐบาลก็ยังมีแผนวางรากฐานเศรษฐกิจให้มีความมั่นคงแข็งแกร่ง ให้มีการกระจายรายได้ของประชาชน โดยเฉพาะช่วงสิ้นปีนี้ และจะใช้ระยะเวลา 4 เดือนที่รัฐบาลชุดนี้ทำงานได้อย่างเต็มที่ วางแนวทางและหลักฐานที่ดีเพื่อที่รัฐบาลชุดต่อไปที่จะเข้ามาจะได้สามารถเดินหน้าต่อยอดไปได้
นายกฯ กล่าวว่า ก่อนยุบสภาฯ จะมีมาตรการออกมาอีกเรื่อยๆ เฟส 1 เฟส 2 ที่มีการเตรียมคิดไว้อยู่แล้ว รวมถึงเรื่องการท่องเที่ยวด้วย ซึ่งงบประมาณที่นำมาใช้จะยังยึดหลักวินัยการเงินการคลังเป็นสำคัญที่สุด
“จะเห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ ไม่ใช่เอาเงินมาแล้วมาแจกให้ประชาชนทั้งหมดอย่างเดียว แต่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมด้วย และที่สำคัญเราสามารถนำงบประมาณ 3 หมื่นกว่าล้านบาท ไปชำระหนี้ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งเป็นการรักษาวินัยการเงินการคลัง ที่เห็นเป็นที่ประจักษ์ชัดตรงนี้ จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลนี้จะรักษาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเป็นเป้าหมายที่สำคัญ” นายอนุทิน กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลตั้งเป็นเป้าหมาย ประเทศไทยเคยเป็นผู้นำเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้มาโดยตลอดแทบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน การท่องเที่ยว เกษตร อุตสาหกรรม แต่เวลาผ่านไปกฎระเบียบเดิมซึ่งไม่สอดคล้องกับกติกาใหม่ของโลกในปัจจุบัน ทั้งทางการค้าและเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องกลับมาตั้งเป้าหมายใหม่ เชื่อว่าประเทศไทยที่มีภูมิรัฐศาสตร์ที่ดีได้เปรียบประเทศอื่นๆมากมาย สามารถกลับมาเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ให้ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว