
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวในโลกออนไลน์ว่า นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้จะเปิดชื่อนักการเมืองไทย 7 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ในประเทศกัมพูชา โดยนายอนุทิน ย้อนถามสื่อว่า เรื่องมาจากเพจใช่หรือไม่ ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่า ใช่
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ตนได้ให้กระทรวงการต่างประเทศและทีมงานไปสืบหาข้อเท็จจริงแต่ไม่ต้องกังวลอะไรจะมีรายชื่อหรืออะไรมาเราก็ต้องดำเนินการตรวจสอบ และหากมีหลักฐานการกระทำที่ผิดกฎหมายเราก็ต้องดำเนินคดีอยู่แล้วไม่มีข้อยกเว้น
เมื่อถามถึง กรณีที่นายอนุทิน เคยต่อสายพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ นายอนุทิน กล่าวว่า ท่านไม่ได้พูดเรื่องนี้กับตนเลย ถึงบอกว่าต้องตรวจสอบก่อน เพราะเมื่อข่าวนี้มาจากเพจออนไลน์ก็ต้องตรวจสอบ เพราะตอนที่ตนหารือกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ท่านก็ไม่ได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา แต่หากมีจริงตนก็จะมีโอกาสพบกับท่านในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่ประเทศเกาหลีใต้ในอีก 2 สัปดาห์
เมื่อถามว่า ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบก่อนที่จะมีการพบกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า สั่งแล้ว เดี๋ยวเอาไลน์ให้ดูว่าสั่งแล้ว โดยได้ให้สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโซล ติดตามข่าวเรื่องนี้
เมื่อถามว่า กรณีนายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เสนอให้ปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ กรณีให้คณะทำงานเป็นทนายความให้กับนายเบน สมิธ นายอนุทิน กล่าวว่า ตรงนี้ก็ต้องดูตามสิทธิการตั้งทนายความ ถ้าตนจะตั้งทนายความมาดูคดีของตน ก็ต้องดูทนายความที่มีความใกล้ชิดกับตน เราก็ต้องเอาคนที่ไว้วางใจและคุยกันรู้เรื่อง ซึ่งจะปลดหรือไม่ปลดมันอยู่ที่รูปคดี อยู่ที่คำพิพากษา และอยู่ที่การกระทำผิด ถามแต่เรื่องงานสิ อย่ามาถามเรื่องชื่อบุคคลแบบนี้ไม่ได้
เมื่อถามว่า มีการเรียกร้องให้รัฐบาลปราบปรามดำเนินการเรื่องสแกมเมอร์เชิงรุก นายกฯ กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลังจากที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาทำงานก็ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมว่ามีการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้อง 37 ราย และยังมีการขยายผลต่างๆอีกมากมาย ซึ่งในวันที่ 20 ต.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 1/2568 โดยจะมอบหมายให้แต่ละหน่วยงานว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งเป็นการต่อยอดจากที่เขาได้ทำไว้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่าตอนนี้หลายประเทศจับมือกันคว่ำบาตรมาตรการทางการเงินกับบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องสแกมเมอร์จะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมในวันที่ 20 ต.ค.เลยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทุกเรื่องอยู่ในนี้หมด สแกมเมอร์ต้องเป็นวาระแห่งภูมิภาค หรือเป็นวาระของโลกด้วย ประเทศไทยต้องเป็นส่วนหนึ่งและให้ความร่วมมือในการปราบปรามสแกมเมอร์ทุกวิถีทางทุกรูปแบบ
เมื่อถามว่า มาตรการที่มีการดำเนินการก่อนหน้านี้ทั้งการตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตบริเวณชายแดนไทย- เมียนมา นายกฯ กล่าวว่า แล้วเราตัดไหม ไฟฟ้าถูกตัดหรือไม่ ทุกวันนี้ถ้าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เราต้องดำเนินการอยู่แล้ว
เมื่อถามถึง กรณีที่มีการเปิดเผยข้อมูลว่า บจก.ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ตั้งอยู่ที่อาคาร Sino-Thai Tower นายกฯ กล่าวว่า “เขาตอบแล้วนี่ครับ อย่าถามนำ” ก่อนที่นายกฯจะเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที