คำต่อคำ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

Date:

พี่น้องชาวประชาธิปัตย์ที่เคารพรักทุกท่าน ผมขอกล่าวย้ำนะครับว่าเมื่อพบปะกับท่านแล้ว อย่าลืมอยู่ในที่ประชุมต่อนะครับ เป็นองค์ประชุมเพื่อให้กระบวนการการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ก่อนอื่นผมขอขอบพระคุณ ทุก ๆ ท่านอีกครั้งหนึ่ง ที่ให้ความไว้วางใจผมมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกวาระหนึ่งประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีกระบวนการเลือกตั้งอย่างนี้ และทำให้คนที่ได้รับเลือกตั้งมาเป็นหัวหน้าพรรคสำนึกอยู่เสมอว่า การเข้ามาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคนั้น เป็นได้เพราะความยินยอมพร้อมใจของบรรดาสมาชิกทั่วประเทศที่เป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง จนถึงวันนี้ผมก็ยืนยันว่าไม่มีพรรคการเมืองอื่นที่มีกระบวนการแบบนี้ ฉะนั้นผมกราบขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งหนึ่งที่เป็นส่วนสำคัญในการยืนยันว่าในประเทศไทยยังมีพรรคการเมืองที่มีความเป็นประชาธิปไตยในพรรคครับ กราบขอบพระคุณครับ

ผมขอขอบคุณท่านรักษาการหัวหน้าพรรค ท่านรักษาการเลขาธิการ และกรรมการบริหารพรรคที่ผมทราบดีว่าพยายามทำทุกวิถีทางให้การเลือกตั้งในวันนี้เป็นอย่างราบรื่น กระชับที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ภายใต้กฎระเบียบ และข้อบังคับต่าง ๆ ที่มีอยู่ อยากให้พวกเราตบมือขอบคุณรักษาการกรรมการบริหารและขอบคุณบรรดาเจ้าหน้าที่และน้อง ๆ อาสาสมัครทุกคน ที่ทำให้วันนี้เกิดขึ้นได้ 

และผมขอใช้เวลานี้ ขอบคุณท่านหัวหน้าเฉลิมชัย (ศรีอ่อน) ซึ่งแม้ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมในวันนี้ ผมอยากจะบอกว่า ผมกับท่านหัวหน้าเฉลิมชัยไม่ว่าว่าเราจะมองหรือคิดต่างกันในบางเรื่องในบางครั้งบางคราว แต่ผมไม่เคยตั้งคำถามในเรื่องของความทุ่มเทของท่านที่มีให้กับบรรดาสมาชิกพรรค และผมเชื่อว่าบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บรรดาอดีตผู้สมัคร บรรดาสาขาต่างๆ เป็นพยานที่ดีที่สุดในเรื่องของความทุ่มเทของท่านหัวหน้าเฉลิมชัย แม้ท่านจะไม่อยู่ในที่นี้ กรุณาปรบมือขอบคุณท่าน

พี่น้องประชาธิปัตย์ครับ สจฺจํ เว อมตา วาจา คือข้อความที่ปรากฏอยู่บนสัญลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย และกาลเวลาพิสูจน์ความจริงเสมอ เกือบ 2 ปีที่แล้ว ผมจำได้ผมใส่เสื้อเชื้อตัวนี้ ทำในสิ่งที่ผมไม่เคยคิดว่าในชีวิตนี้ผมต้องทำ คือการลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก่อนผมลาออก ท่านไปดูคำพูดเถอะครับ ผมบอกว่าผมไม่มีพรรคอื่น ผมไม่ไปพรรคอื่น กรีดเลือดผมออกมาก็เป็นสีฟ้าจนตาย และจะเอาอุดมการณ์ประชาธิปัตย์รับใช้พี่น้องประชาชนและประเทศชาติตลอดไป ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน 

ไม่ใช่แค่ 2 ปีที่แล้วนะครับ เดี๋ยวนี้โซเชียลมีเดีย ช่างขุด ท่านอาจจะเห็น ภาพที่ผมไปออกรายการโทรทัศน์ เมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว เกิน 30 ปีที่แล้ว ไปฟังคำพูดเถอะครับ ผมเข้ามาเป็น สส. สมัยแรก เขาถามผมว่า ผมจะมีโอกาสย้ายพรรคมั้ย ผมพูดตั้งแต่ผมอายุ 27 ว่า ผมยึดถือการเมืองในระบบพรรคการเมือง ชีวิตนี้ผมจะมีพรรคการเมืองเดียว 30 ปีกว่า ๆ เป็นอย่างไร วันนี้ผมก็ยังยืนยันอย่างนั้น ฉะนั้นให้ท่านมั่นใจนะครับ ในยุคนี้ที่นักการเมือง อย่าว่าแต่ 30 ปีเลย 3 ชั่วโมงก็เปลี่ยนคำพูดไปแล้ว ผมเป็นลูกพระแม่ธรณี จะยึดถือสัจจะ และความซื่อสัตย์เป็นที่ตั้งตลอดไป

ผมพูดในวันนั้นด้วยว่า ยามใดที่ผมหยุดหรือไม่อยู่ในพรรค ผมพร้อมจะกลับมาเสมอ ถ้าสมาชิกเห็นว่าผมจะมาทำประโยชน์ได้ ผมทราบดีสถานการณ์ในวันนี้ คุยกับเพื่อน ๆ ประชาธิปัตย์ ทุกคนหวั่นไหวกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับความเสียเปรียบหลายประการของพรรคประชาธิปัตย์ พูดโดยเคร่งครัดแล้วครับ ขอบคุณสมาชิกรุ่นอาวุโส ไล่เรียงมาจนถึงเพื่อน ๆ หลายคน ซึ่งผมอาจจะไม่เคยได้ร่วมงานด้วย ทุกคนทราบดีบอกกับผมว่า ผมมาเที่ยวนี้โดยส่วนตัว ผมไม่มีทางกำไรครับ อย่างมากสุดก็เสมอเป็นตัว ขาดทุนไม่มากก็น้อย น่าจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุด แต่ผมระลึกเสมอว่า ชีวิตผมมาถึงจุดนี้ได้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ จะลำบากอย่างไร จะขาดทุนเท่าไหร่ ผมก็ต้องกลับมา กลับมาเพื่อให้พรรคการเมืองนี้อยู่คู่ประเทศไทยตลอดไปให้ได้ 

แต่ผมไม่ได้คิดเฉพาะเรื่องพรรคครับ ผมก็เป็นหนี้ประเทศนี้ แผ่นดินนี้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันผมเติบโตมาผมเคยใช้ชีวิตในต่างประเทศ ผมรู้ว่าประเทศนี้มีอะไรดี ๆ มากมาย ผมไม่เคยคิดอยู่ที่อื่น บางคนแซวผมด้วยซ้ำว่าถ้าผมไปเกิดที่อื่น เล่นการเมืองที่อื่น น่าจะรุ่งกว่านี้ ในประเทศที่เขาพัฒนาแล้ว แต่ไม่ครับ ที่นี่คือที่ผมรักและผมเชื่อว่าพวกเรารักที่สุด และหลายครั้งเราบ่นอะไรเกี่ยวกับเรื่องประเทศก็ตาม คนทั่วโลกยังเห็นคุณค่าของประเทศไทยและน้ำใจของคนไทยที่ผมเชื่อว่าตลอดมาครับ ผมจึงต้องชดใช้หนี้แผ่นดินนี้เหมือนกับที่ผมต้องชดใช้หนี้ให้กับพรรคประชาธิปัตย์

วันนี้เศรษฐกิจติดหล่ม สังคมเหลื่อมล้ำ ความยุติธรรมถอดถอย หลายปีที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นคนภายนอกมองประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการที่พวกเราสัมผัสอยู่กับความเป็นจริงของชีวิตของพี่น้องประชาชน ทุกคนห่วงใยว่าประเทศเราเดินต่อแบบนี้ได้หรือ ท่านเชื่อมั้ยครับว่า ปีสุดท้ายที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำรัฐบาล 2554 เป็นปีแรกที่เศรษฐกิจไทยขยับขึ้นไปเป็นประเทศรายได้ปานกลางขั้นสูง แต่เวลาผ่านไปจนถึงวันนี้ 14 ปี วันนี้แม้แต่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่มีใครมั่นใจเลยว่าเราจะขยับขึ้นไปอีกขั้นได้เมื่อไหร่ เป็นไปได้อย่างไรวันนี้ตัวเลขเศรษฐกิจ ถ้าโตขยับใกล้ 2% ก็ดีใจ โล่งใจไปแล้ว มันไม่พอหรอกครับ ในการที่จะยกระดับความเป็นอยู่และชีวิตของพี่น้องประชาชน เป็นไปได้อย่างไรครับเศรษฐกิจเราติดหล่มมาเป็น 10 ปี ทุกวันนี้เราลุ้นกันได้แค่คนละครึ่ง ที่อาจจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ในยามลำบาก แต่ 3 เดือน 4 เดือน หลังจากโครงการจบสิ่งที่ทิ้งไว้ก็เพียงแต่หนี้ของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น 

เป็นไปได้อย่างไรครับวันนี้สังคมไทยผู้สูงอายุจำนวนมากทำให้สังคมเราเป็นสังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น ขณะที่โลกเปลี่ยนชีวิตของคนหนุ่มสาวขาดความมั่นคงขาดความแน่นอน ทุกคนประสงค์จะมีสวัสดิการที่ดีเกือบทั้งสิ้น แต่การเมืองเราหลอกตัวเอง หลอกประชาชนหรือเปล่าครับ ว่ากำลังจะหยิบยื่นสวัสดิการให้กับประชาชนได้ แต่เก็บภาษีได้ไม่ถึง 15% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือรายได้ของประเทศ

ทุกวันนี้แม้เศรษฐกิจโต ถามว่าโตแล้วไปอยู่ที่ไหน นับวันการผูกขาด ไม่ว่าจะเป็นทางเศรษฐกิจ หรือทางการเมือง และความสัมพันธ์ระหว่างการผูกขาดทางเศรษฐกิจกับการผูกขาดอำนาจทางการเมืองก็มีความแน่นแฟ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เราจะนิ่งดูดายปล่อยให้ประเทศเดินไปแบบนี้ไม่ได้ และอย่างที่ผมบอก ขณะที่ทุกคนเชื่อมั่นในคนไทยและประเทศไทย การเมืองไทยคือสิ่งที่ฉุดรั้งไม่ให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า 

วันนี้ที่ผมนำเอาคนใหม่ ๆ ที่ขอบคุณที่ท่านทั้งหลายยกเว้นคุณสมบัติ ยกเว้นข้อบังคับให้โอกาสเข้ามาทำงาน เพราะวันนี้สิ่งที่ประเทศไทยต้องการที่สุดคือเครื่องจักรที่จะทำให้เศรษฐกิจโตต่อไปได้ เครื่องจักรใหม่ครับ เราพึ่งพาสิ่งที่เราเคยผมใช้คำว่า “มีบุญจากอดีต” ต่อไปไม่ได้ ภาคเกษตร เราเคยภูมิใจว่าอุดมสมบูรณ์ วันนี้ประสิทธิภาพการผลิต เราตามหลังประเทศเพื่อนบ้าน ภาคอุตสาหกรรมเราไม่สามารถแข่งขันจากการที่ค่าแรงเราจะถูกเหมือนกับในอดีตได้ แล้วท่านดูภาคการท่องเที่ยวครับ พอนักท่องเที่ยวจีนหายไปแค่เพียงครึ่งนึง เดือดร้อนกันไปทั่วในหลายสาขาธุรกิจ เครื่องจักรใหม่มันจึงต้องเกิดขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงของโลก ผมเอาคนอย่าง ดร.การดี (เลียวไพโรจน์) มา เพราะผมรู้ว่าเทคโนโลยีจะชี้นำการเปลี่ยนแปลงของโลก และการพัฒนาเศรษฐกิจ คนไทยใช้เทคโนโลยีเก่งมากนะครับ เรามีซิมโทรศัพท์มือถือ ผมว่ากว่าเท่าตัวประชากร นี่ตัดซิมม้าออกไปแล้วนะ เราเป็นประเทศที่ใช้การโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์อันดับต้น ๆ ของโลก แต่ไปดูเถอะครับ สิ่งที่เขาเรียกว่าเศรษฐกิจดิจิทัล มูลค่าเพิ่มที่ตกอยู่กับมือคนไทยน้อยนิด

ผมไม่อยากให้พรรคการเมืองคิดได้แค่ว่า นโยบายอะไรฟังดูแล้วถูกใจ มีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นชั่วครู่ชั่วยาม แล้วก็มาติดหล่มกันต่อ เราต้องเอาตัวนี้เป็นตัวนั้น และเทคโนโลยีมีศักยภาพมหาศาล วันนี้เรานึกภาพว่า ถ้าเกษตรกรของเรา โดยเฉพาะเกษตรกรที่ยากจนด้อยโอกาสที่สุด เกษตรกรรายย่อยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะเป็นการใช้โดรน จะเป็นการใช้ปัญญาประดิษฐ์จะเป็นการใช้ระบบอัจฉริยะทั้งหลาย ผลผลิตรายได้ของภาคการเกษตรเราจะเพิ่มขึ้นได้มหาศาล และจะต้องเป็นการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อไม่ให้ถูกกีดกันจากบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้ว ผมจึงเอาคนอย่างคุณวีระพงษ์ (ประภา) เข้ามา เพราะรู้ว่าประเด็นที่โลกต้องการและประเด็นที่โลกกดดันประเทศไทยมันคืออะไร

คนหนุ่มสาวที่เติบโตขึ้นมา เขาไม่ได้มองหาโอกาสทางเศรษฐกิจเหมือนคนรุ่นผมครับ เมื่อก่อนเราคิดว่าเราต้องไปเรียนจบปริญญาสาขาใดสาขาหนึ่ง เข้าไปอยู่ในองค์กรใหญ่ ๆ เริ่มต้นไปเต้า จนในที่สุดเป็นผู้บริหารแล้วก็เกษียณ อยู่แต่วิถีของคนรุ่นใหม่ ถ้า 30 ยังไม่ประสบความสำเร็จ มันไม่ใช่แล้วครับ เขาอยากขายของออนไลน์ เขาอยากสร้างโอกาสตัวเขาเองแล้วเขามีอิสระ คนอย่างคุณจูรี (นุ่มแก้ว) ไงครับ ที่ต่อสู้ชีวิตมา แล้ววันนี้กลายเป็นคนที่มีคนติดตามใน Tiktok มหาศาล แล้วขายของ ขายความคิด ขายความสร้างสรรค์ได้ เด็กรุ่นใหม่ใฝ่ฝันจะเป็นแบบนี้ มันมีสิ่งที่เรียกว่าเศรษฐกิจกิ๊ก (Gig Economy) Gig ภาษาอังกฤษนะครับ ไม่ใช้กิ๊กภาษาไทย ซึ่งเมื่อก่อนเขาจะแปลว่าเศรษฐกิจชั่วคราว ที่จริงวันนี้ไม่ใช่เศรษฐกิจชั่วคราว แต่การที่คนอยากมีรายได้วันนี้เขาอยากหาโอกาส โดยไม่ต้องไปเป็นลูกจ้าง แต่ขณะเดียวกันเขาก็อยากมีความมั่นคง ไม่ใช่อนาคตของเขาแขวนอยู่บนเส้นได้ว่าวันหนึ่งไอ้ธุรกิจใหม่ ๆ ที่เขาทำอยู่ มันเกิดเปลี่ยนแปลง มันเกิดล่มสลายไปแล้ว ชีวิตเขาาล่มสลายไปด้วย

นี่คือโจทย์ที่ผมกับทีมงานชุดใหม่ จะเฟ้นออกมาว่าเรากำลังจะสร้างทั้งโอกาสและความมั่นคงให้กับคนรุ่นใหม่ ที่กำลังจะเติบโตขึ้นมาอย่างไร แต่ทั้งหมดนี้การเมืองต้องเปิดประตู การเมืองที่จะเปิดประตูคือการเมืองที่ต้องมาแข่งขันด้วยการนำเสนอความคิดวิสัยทัศน์แบบนี้ และไม่ใช่นโยบายเป็นชิ้นๆ ปราศจากการคิดเป็นระบบ และมีกรอบความคิดหรืออุดมการณ์รองรับ วันนี้ผมจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ตกอยู่ในวังวนวาทกรรม ไม่ต้องมาถามว่าเราอนุรักษ์ หรือเราประชาธิปไตย หรือเรากั๊กจะเป็นอนุรักษ์ก้าวหน้า ไม่ต้องถามเราครับ เพราะเราประกาศอุดมการณ์มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2489 ว่าเราคือต้นตำรับของพรรคเสรีประชาธิปไตยในประเทศไทย

วันนี้ผมไม่ต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง ของกระบวนการที่นำเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาอยู่ในวังวนของความขัดแย้งทางการเมือง กล่าวหาฝ่ายหนึ่งว่าล้ม กล่าวหาฝ่ายหนึ่งว่าโหน ไม่ใช่เรื่องครับ ไม่ใช่เรื่องของการเมืองเลย เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์คือศูนย์รวมจิตใจของประชาชนคนไทย ที่ต้องอยู่เหนือการเมือง ไม่ว่าเราจะมีแนวความคิดการเมืองต่างกันอย่างไร 

วันนี้เราต้องไม่เอาองค์กรอย่างกองทัพเข้ามาเป็นประเด็นทางการเมือง กองทัพจะทำหน้าที่ได้อย่างไร ถ้าพรรคการเมืองมีอคติกับกองทัพ และกองทัพเวลาปกป้องแผ่นดินไทยอย่างเข้มแข็ง การเมืองไปโหนไม่ได้นะครับ การเมืองต้องช่วยสนับสนุนด้วยการดำเนินนโยบายการต่างประเทศ การทูตเชิงรุก เพื่อให้การทำงานของทหาร และกองทัพทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสบายใจมากยิ่งขึ้น เราไม่ควรเอาเรื่องความมั่นคงของประเทศ เราไม่ควรเอานโยบายการต่างประเทศมาเสี่ยง ผลักภาระให้ประชาชนลงประชามติในสิ่งที่ อย่าบอกว่าประชาชนจะเข้าใจมั้ยครับ ผมยังไม่แน่ใจว่าคนที่คิดให้ถามตัวเองเข้าใจหรือยัง 

และเราจะปล่อยให้การเมืองที่ฉุดรั้งทุกสิ่งทุกอย่างจากการทุจริตคอร์รัปชั่นเดินต่อไป ไม่ได้ครับ ถ้าประชาธิปไตยไม่ได้เริ่มต้นด้วยการเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรม แต่เป็นการประมูล ซื้อเสียง ซื้อ สส. และคอร์รัปชั่นกัดเซาะไปทุกองค์กร เป็นต้นทุนมหาศาล ไม่เพียงแต่ในแง่ตัวเงิน แต่ความไว้วางใจซึ่งกันและกันบุคคลในสังคมที่จะถูกทำลาย และนำมาสู่กฎระเบียบกติกาที่ซับซ้อน ยุ่งยาก เพื่อพยายามแก้ไขสิ่งนี้ แต่กลายเป็นเปิดช่องให้มีการทุจริตคอร์รัปชั่นในช่องทางอื่นไม่จบไม่สิ้น

วันนี้เราต้องถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะผลักดันให้ความซื่อสัตย์ และการบริหารบ้านเมืองที่สุจริต กลับมาให้ได้ แล้วผมพูดเสมอครับ ช่วงที่ผมดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผมบอกว่าความรับผิดชอบทางการเมืองมันสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย จริยธรรมเป็นเรื่องสำคัญ แต่จริยธรรมต้องไม่เป็นอาวุธทางการเมืองมาทำลายฝ่ายการเมืองฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ประชาธิปัตย์ 2489 มาจนถึงวันนี้ อุดมการณ์ที่เขียนไว้ตั้งแต่ตอนนั้น ชัดเจนในเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด ผมว่าบางทีเราลืมนะครับ อุดมการณ์ประชาธิปัตย์ของผู้ก่อตั้งพรรคเรา 2489 สั้น ๆ 10 ข้อ ผมอ่านทุกครั้งขนลุกทุกครั้ง ว่าคน 80 ปีที่แล้ว เขียนสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร เขียนได้อย่างไร เรื่องกระจายอำนาจในวันนั้น ไม่มีช่องทางเลยที่คิดว่าจะกระจายอำนาจได้ เขียนได้อย่างไรว่าเศรษฐกิจต้องเสรีแต่รัฐต้องเข้าแทรกแซงเพื่อความยุติธรรมในสังคม มันทันสมัย มันสอดคล้องกับความต้องการของคนในประเทศแม้ถึงทุกวัน เพราะในที่สุดอุดมการณ์ 10 ข้อ คือหลักประกันที่จะเกิดการเมืองโปร่งใส ประชาธิปไตยที่ไม่ทรยศต่อประชาชน เศรษฐกิจที่จะมีความเชื่อมั่น ยั่งยืน และสังคมที่เกื้อกูลกัน

ผมต้องเรียนกับทุกท่านว่า สิ่งเหล่านี้โจทย์ใหญ่กว่าเรื่องว่า พรรคเราจะมี สส. กี่คน โจทย์เหล่านี้คือหน้าที่ของพรรคการเมืองที่ผมมั่นใจว่า ถ้าเราแก้ได้ เราจะอยู่คู่ประเทศไทย เราจะไม่หายไปไหน เราจะเป็นหลัก เราจะเป็นความหวังของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศอีกครั้ง แต่มันเป็นเส้นทางที่เหนื่อย เหมือนวันนี้ครับ พรรคอื่นประชุมแบบนี้ 2 ชั่วโมงเสร็จแล้วครับ แต่เราเหนื่อยเพราะเรามีหลักการ ระบบไงครับว่า ตัวแทนทั้งหลายที่เป็นเจ้าของพรรค ผ่านรูปแบบต่าง ๆ เป็น สส. บ้าง กรรมการบริหารบ้าง สาขาบ้าง ตัวแทนจังหวัดบ้าง แม้กระทั่งสมาชิกทั่วไป ทุกคนเป็นเจ้าของพรรค ต้องมีที่ยืนอยู่ในกรรมการบริหารพรรค

สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่สังคมกำลังต้องการ ท่านเห็นมั้ยครับ ประชาชนโหยหาทางเลือก เขาเบื่อหน่ายกับพรรคการเมืองที่เขามองว่า มีไว้เพียงแค่แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ดีลลับสำคัญ วันเว้นวัน เขาต้องการการเมืองที่อาสาเข้ามาแก้ปัญหาให้กับเขาอย่างแท้จริง สถานการณ์วันนี้ต้องบอกว่าเป็นโจทย์หนักอย่างยิ่ง เพราะถ้าเป็นไปตามกำหนดการที่วางเอาไว้ อีกเพียงไม่กี่เดือนก็ต้องเลือกตั้งแล้ว หลายคนวันนี้เครียด และมากระซิบกับผมว่า กำลังกังวลเรื่อง สส. ที่จะย้ายพรรค ผมเป็นนักการเมืองมา 30 ปี ผมเข้าใจครับ เหตุผลของแต่ละคนมีอยู่หลากหลากหลายไป อย่าไปเครียดครับ เพราะประชาธิปัตย์ ถ้าอยากจะอยู่คู่ประเทศไทยอย่างไรก็ต้องสร้างคนอย่างต่อเนื่อง และถ้าคนที่เข้ามาพร้อมที่จะต่อสู้อย่างเหน็ดเหนื่อยภายใต้อุดมการณ์ของเรา เขาก็คือกำลังสำคัญที่จะทำให้พรรคอยู่ต่อไปได้ 

ผมเป็นคนไม่เครียด ทุกคนทราบ ใครทำงานกับผมรู้ ผมจริงจังแต่ผมไม่เครียด ผมมีงานอดิเรกอยู่ 2-3 อย่างเท่านั้นนะครับ ก็เป็นเรื่องสนุก ๆ แต่ผมก็แปลกใจ เออ .. งานอดิเรกของผมนี่ทำไปทำมาเดี๋ยวก็วกกลับมาเรื่องการเมืองได้ ผมพูดถึงพรรคการเมืองที่พยายามดูด สส. ด้วยอำนาจเงิน อำนาจรัฐ หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมดูบอลอังกฤษครับ ระวังนะครับ ศูนย์หน้าฟอร์มดี ๆ ค่าตัวแพงที่สุด ย้ายสโมสรไปแล้วมันยิงไม่ได้สักประตูครับ ผมฟังเพลง บังเอิญไปอยู่เมืองนอก เด็กผมก็ฟังเพลงสากล ทุกวันนี้ผมกลับมาสะสมแผ่นเสียง ผมเพิ่งซื้อเปลี่ยนเสียง Taylor Swift แผ่นล่าสุด อาทิตย์ที่แล้ว Taylor Swift มีคำคมเสมอครับ Taylor Swift บอกว่า “แก้วที่แตกจะมีความคมมากขึ้น” ฉะนั้นใครที่กำลังจะมาทุบประชาธิปัตย์เหมือนกำลังทุบแก้วให้แตก ผมจะบอกว่าทุบเสร็จ ผมจะเอาความคมของแก้วที่แตกไปตัดวงจรอุบาทการซื้อเสียง และการคอร์รัปชั่นเอามั้ย 

สิ่งนี้คือสิ่งที่เราต้องสู้ด้วยหัวใจ งานอดิเรกที่ 3 ที่ผมทำเป็นประจำทุกวันนี้ ผมชอบแหย่ กับทะเลาะ AI ครับ เมื่อคืนผมก็เลยแกล้งพิมพ์เข้าไป AI ช่วยตอบผมหน่อยซิ ถ้าผมอยากได้สัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ สัญลักษณ์ของความสำคัญของสัจจะ สัญลักษณ์ของการปราบอธรรม ปราบมาร สัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ออกแบบมาให้ผมหน่อย AI บอกเอา 4 เรื่องนี้เลยเหรอ ทำมาให้ผม 4 แบบ แต่บอกแต่ละแบบนี่มันก็ยังไม่สามารถที่จะทำสิ่งเหล่านี้ได้ ผมเลยถาม AI เป็นคำถามที่ 2 คุณเคยคิดถึงพระแม่ธรณีมั้ย เพราะพระแม่ธรณีคือพยานของความซื่อสัตย์และสัจจะ ในวันที่มารมาผจญกับพระพุทธเจ้าตอนตรัสรู้ และน้ำที่บีบออกจากมวยผมชำระล้างจนพญามารหนี และน้ำนี้นำมาสู่ความอุดมสมบูรณ์ AI บอกยอมผม ไอ้ 4 อันที่ทำมามันไม่สมบูรณ์เท่าพระแม่ธรณี แต่AI ก็ไม่ยอมแพ้ผมง่าย ๆ นะ AI บอกว่าต้องไปออกแบบสัญลักษณ์ให้ดูทันสมัยหน่อย ผมก็เลยอยากจะบอกกับพวกเราครับ เราอย่าหวั่นไหวนะ กลับมาวันนี้ก็มีคนปรามาสเหล้าเก่า ขวดเก่า ไม่หรอกครับ สัญลักษณ์พระแม่ธรณีก็ดี ข้อความ สจฺจํ เว อมตา วาจา ก็ดี คือคำตอบสำหรับยุคสมัยนี้อย่างแท้จริง แต่คนที่จะทำให้มันเกิดขึ้นได้ให้ทันสมัยจริง คือพวกเราที่นั่งอยู่ตรงนี้ และวันนี้ผมเชิญชวนคนทั้งประเทศครับ ที่เบื่อกับการเมืองที่ท่านเห็นมาเนี่ย มาร่วมกับเราเถอะ ไม่ง่ายหรอกแต่มาร่วมกับเราเถอะ เพราะวันที่บรรพบุรุษที่ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์มา ท่านอย่าลืมนะครับ วันนี้ผมว่าแทบไม่เหลือผู้ก่อตั้งอยู่เลย แต่ทำไมยังมีประชาธิปัตย์วันนี้ ก็ถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ผมเคยเป็นคนที่ได้รับการถ่ายทอด เมื่ออายุ 27 ตอนเดินเข้ามา วันนี้ผมขาวแล้ว ผมก็ถึงส่งต่อให้กับคนรุ่นต่อไป มาช่วยกันเถอะครับ เราไม่ได้มีเป้าหมายเฉพาะหน้า เป้าหมายสุดท้ายของเรา ประชาธิปัตย์ไม่เพียงแต่อยู่คู่ประเทศไทย แต่ทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้า เพื่อคนไทยทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ขอบพระคุณครับ

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

เริ่มพรุ่งนี้ 20 ต.ค เปิดให้ ปชช. ลงทะเบียน “คนละครึ่งพลัส”  

เริ่มพรุ่งนี้ 20 ต.ค เปิดให้ ปชช. ลงทะเบียน “คนละครึ่งพลัส”  รัฐบาลเตือนอย่าตกเป็นเหยื่อลิงก์ลงทะเบียนปลอม

นายกฯ อนุทิน เปิดงานประกวดร้องเพลง

นายกฯ อนุทิน เปิดงานประกวดร้องเพลงโครงการ “เยาวชนสืบสานรักษ์เพลงไทย” ซีซั่น 2  พร้อมโชว์เป่าแซกโซโฟน เพลงลาวดวงเดือน

พาณิชย์ผนึกกลาโหม พบเอกชน กระตุ้นเศรษฐกิจชายแดน

พาณิชย์ผนึกกลาโหม พบเอกชนสร้างความเชื่อมั่น-กระตุ้นเศรษฐกิจชายแดน

ธ.ก.ส. จัดกิจกรรมกฐินสามัคคี ประจำปี 2568

ธ.ก.ส. จัดกิจกรรมกฐินสามัคคี ประจำปี 2568 ณ วัดหนองกระดี่ จ.อุทัยธานี และวัดเขานาคา จ.นราธิวาส