
วันที่ 24 ต.ค. 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย พบปะและมอบแนวทางพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนแก่ อสม. และผู้นำสตรี อบจ.กระบี่ กว่า 2,000 คน ณ อาคารแพลตตินั่ม ฮอล์ล จ.กระบี่ โดยมีคณะรัฐมนตรีร่วมให้การต้อนรับ
นายอนุทิน กล่าวยกย่องบทบาท อสม. ว่าเป็นพลังสำคัญที่ทำให้ไทยผ่านวิกฤตโควิด-19 พร้อมชื่นชมความเสียสละและหัวใจอาสาที่มาจาก “ข้างในใจ” ของทุกคน ยืนยันรัฐบาลเดินหน้าโครงการ “1 ตำบล 1 ผู้ช่วยพยาบาล” และ “ฟอกไตฟรี” เพื่อยกระดับสุขภาพประชาชน
พร้อมฝาก อสม. และสตรีทุกคนช่วยกันสร้างความสามัคคี ป้องกันยาเสพติด ทำให้ชุมชนน่าอยู่ เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตและประชาชนมีรายได้อย่างยั่งยืน โดยย้ำว่า “พลัง อสม. และพลังสตรี คือพลังสร้างประเทศให้แข็งแรงอีกครั้ง”

นายก อนุทิน เปิดงานรวมพลคนกินเจกระบี่
24 ต.ค. 68 ที่วัดแก้วโกรวราราม พระอารามหลวง จ.กระบี่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานเปิดงาน “รวมพลคนกินเจ กระบี่ 2568” พร้อมคณะรัฐมนตรีหลายท่านร่วมงาน
นายอนุทินกล่าวว่า เทศกาลกินเจปีนี้สะท้อนพลังศรัทธาและความร่วมมือของประชาชน ซึ่งสอดคล้องกับแนวนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ผ่านโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้ประชาชนในทุกจังหวัด พร้อมย้ำรัฐบาลตั้งเป้าให้คนไทย “มีงาน มีรายได้ มีความสุข”
นายกรัฐมนตรีเชิญชวนประชาชนใช้สิทธิโครงการ “คนละครึ่งพลัส” อย่างเต็มที่ ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายนนี้ พร้อมยืนยันว่าหากมีผู้ตกหล่น รัฐบาลเตรียมเปิดเฟส 2 เพิ่มเติมในต้นปีหน้า

นายกฯ อนุทิน มอบนโยบายส่วนราชการ–ท้องถิ่น จ.กระบี่
24 ตุลาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ มอบนโยบายแก่หัวหน้าส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยย้ำให้ทุกจังหวัดเป็น “พื้นที่สร้างรายได้” ที่ประชาชนมาแล้วต้องรู้สึกปลอดภัย ปลอดยาเสพติด และปลอดอาชญากรรม พร้อมตั้งเป้า “ทำให้กระบี่โกอินเตอร์”
นายอนุทินกล่าวว่า กระบี่มีศักยภาพไม่แพ้ภูเก็ต ทั้งสนามบิน การคมนาคม และการท่องเที่ยว จึงต้องเร่งผลักดันโครงการสำคัญ เช่น “สะพานข้ามเกาะลันตา” เพื่อขยายเขตเศรษฐกิจและดึงนักท่องเที่ยวกลับมา โดยยึดแนวทาง “พูดแล้วทำ – สั่งวันนี้ต้องเสร็จเมื่อวาน”
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ว่าไม่ใช่การแจกเงิน แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าจะสร้างเงินหมุนเวียนกว่า 1 แสนล้านบาทในสองเดือน พร้อมฝากทุกหน่วยงานร่วมกันทำให้กระบี่เป็นเมืองปลอดภัย ปลอดยาเสพติด และพัฒนาเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพ (Health Hub) ของอันดามัน เพื่อผลักดัน “กระบี่โกอินเตอร์” อย่างเป็นรูปธรรม




