
เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 11 พ.ย.ที่ฐานปฏิบัติการอินทุมาน (ภูมะเขือ) อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกในหัวใจ ณเวลานี้ที่มายืนบนฐานปฏิบัติการอินทุมาน (ภูมะเขือ) ว่า ประเทศไทยเป็นของเรา ที่ที่เรายืนอยู่คือประเทศไทยใครจะมาแอบอ้างอธิปไตยเหนือดินแดนของไทยไม่ได้ แต่ว่าวันนี้การที่จะพูดเรื่องนี้ วันนี้เราถือว่าสิ่งที่เราได้มีข้อตกลงกันไว้ เพื่อจะเดินไปสู่การมีสันติภาพ มันจบลงแล้ว จากนี้ไปรัฐบาลไทยก็จะดำเนินการในสิ่งที่เราเห็นว่าเป็นประโยชน์สำหรับประเทศไทย เป็นสิ่งที่ประเทศไทยจะทำโดยที่ไม่ต้องไปหารือ ไปปรึกษาหรือขออนุญาตใคร เราได้มีการหารือพูดคุยกับทางกองทัพเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ข้อสรุปมาค่อนข้างชัดเจนในการปฏิบัติ ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมรับทราบอยู่แล้วว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง แต่ต้องขอความกรุณาผู้สื่อข่าวว่าเราอยากจะบอกว่าเราไม่ตอบ แต่ขอความกรุณาว่าไม่ต้องถาม เพราะเราจะทำอะไรในเรื่องของความมั่นคงแห่งชาติเราบอกไม่ได้ และถ้าถามมาแล้ว พอเราไม่ตอบก็กลายเป็นว่าเราย่อหย่อน หย่อนยาน แต่ความจริงเราไม่เคยหย่อนยาน เราไม่เคยคิดที่จะยอมหรือเสียเปรียบใดๆกับฝ่ายตรงข้าม ตรงกันข้ามเราวางตัวเป็นผู้กำหนดบทบาทอยู่เสมอ ดังนั้นวันนี้ก็เช่นกันยิ่งทำให้ตนในฐานะรัฐบาลที่เป็นคนลงนามใน ปฏิญญาก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ณ ขณะนี้ 4 ข้อในปริญญาประเทศไทยไม่ปฏิบัติแล้ว และจะกำหนดการดำเนินการของตัวเอง โดยรัฐบาลจะให้การสนับสนุนข้อกำหนดต่างๆและการดำเนินการของกองทัพอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่ามาเลเซียจะขอรื้อฟื้นเรื่องของการลงนามปฏิญญาตรงนี้ทางเราจะทบทวนหรือไม่ นายกฯย้อนถามว่า รื้อฟื้นเรื่องอะไร
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าเรื่องการทำปฏิญญาเพื่อนำไปสู่สันติ นายกฯกล่าวว่า มันชัดเจนแล้วว่าผู้ร่วมสัญญาไม่ได้ปฏิบัติตามปฏิญญา ยิ่งวันนี้ที่มาตรงนี้เพื่อมาให้มาเห็นกับตา เมื่อผู้นำไม่ว่าจะเป็นผู้นำประเทศต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งสักขีพยานที่ลงนามอยู่ในปฏิญญาในวันนั้น ถ้าท่านทั้ง 2 จะถามมาตนก็จะสามารถตอบได้ว่าตนมาอยู่ในพื้นที่ ตนได้เห็นกับตาตัวเองแล้วว่าคู่สัญญาของประเทศไทยก็คือประเทศกัมพูชาได้มีการละเมิดสิ่งที่ตัวเองจะต้องทำอย่างไรบ้าง บนความชัดเจนทุ่นระเบิด 4 ทุน ที่วันนี้เหลือ 3 ทุ่น เพราะว่าน้องทหารของเราเหยียบไป 1 ทุ่น เป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่วางในเขตของเรา หลังจากวันที่เราได้ลงนามในข้อตกลง ทั้งนี้ประเทศไทยทำทุกอย่างตามข้อตกลงและการพยายามที่จะดึงให้มีความล่าช้าเกิดจากฝ่ายกัมพูชา ประเทศไทยก็ยังใช้ความอดทน เรายังเชื่อมั่นว่าในการที่เรามีโลกทั้งใบเป็นพยาน มีประชาคมอาเซียนเป็นพยาน อย่างไรเสียอาจจะช้าในวันหรือสองวัน ข้อตกลงจะได้รับการปฏิบัติ แต่วันนี้มันพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ ในเมื่อไม่ใช่ ก็ไม่มีข้อตกลง และเราก็จะทำในสิ่งที่เราเห็นว่าเราต้องทำ
เมื่อถามอีกว่าเราต้องรีพอร์ต(รายงาน)ไปที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาหรือไม่ นายกฯย้อนถามว่า รีพอร์ตใคร เราเป็นประเทศอธิปไตยไม่รีพอร์ตใครทั้งนั้น ถ้าเขาถามมา ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องตอบ ตนจะตอบอย่างเช่นเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆทำหน้าที่ ก็ถามตน ถ้าไม่มีความจำเป็นจะต้องตอบ ตนก็ไม่ตอบ ดังนั้นวันนี้เราก็จะดำเนินการตามที่รมว.กลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แม่ทัพภาคที่ 2 และคนที่อยู่หน้างาน ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี วันนี้ถ้าตนบอกแล้วว่ารักษาอธิปไตย รักษาเกียรติยศ เกียรติภูมิ รักษาจิตใจของทหาร และพี่น้องประชาชน ตนมาวันนี้ก็ขอให้ภาพมันเป็นการอธิบายตัวมันเอง ของหลายอย่างไม่ต้องพูดแล้ว
เมื่อถามอีกว่าวันนี้ได้บอกเจ้าหน้าที่และกำชับให้กำลังใจอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ก็เต็มที่ ตนกับพี่น้องทหารไม่ต้องใช้คำพูด ใช้สายตา ใช้แรงบีบกำมือซึ่งกันและกัน เราจะเข้าใจกันดี ตนมั่นใจว่าผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารีแรงบีบขนาดนี้คือต้องการให้มันเป็นยังไง




