
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้นำคณะลงพื้นที่จังหวัดสงขลา เข้าเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจประชาชน นักเรียน ภาครัฐ และภาคเอกชนในหาดใหญ่ พร้อมกับชื่นชมจิตใจอันงดงามของสังคมไทย และเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันฟื้นฟูเมืองอย่างเร่งด่วน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในช่วงสุญญากาศทางการเมืองเช่นนี้ ทำให้การช่วยเหลือหรือการขับเคลื่อนงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ต้องหยุดชะงักลง โดยเฉพาะการสนับสนุนโรงเรียนหรือการทำงานของ อบต. ที่ต้องรอการอนุมัติ
“เป็นจังหวะเวลาที่จะต้องฟื้นทุกอย่างให้มาทำให้ได้ ขณะนี้สำหรับพวกผมนะ มันก็คือ สุญญากาศ วันนี้มาโรงเรียนจะเอาของติดมือมาก็ไม่ได้ เพราะยุบสภาไปแล้ว ก็เลือกตั้ง อบต.อยู่ ทุกคนก็บอกว่าขยับอะไรได้น้อยมาก” นายอภิสิทธิ์กล่าว

หัวหน้าพรรคฯ กล่าวด้วยความห่วงใยว่า ทุกฝ่ายกำลังให้ความสนใจเรื่องชายแดนเกือบทั้งหมด จึงต้องส่งเสียงดัง ๆ ว่า “อย่าเพิ่งลืมที่นี่” พร้อมกับได้เล่าถึงความน่ารักของคนสุรินทร์ ซึ่งตนเพิ่งไปเยี่ยมศูนย์อพยพมา ที่แม้พวกเขาประสบภัยแต่ก็ยังเป็นห่วงคนหาดใหญ่ที่สูญเสียบ้าน
พร้อมกันนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้เสนอ 2 แนวทางเร่งด่วนที่สามารถทำได้ทันที เพื่อสร้างความร่วมมือและฟื้นฟูหาดใหญ่และภาคใต้
1. ขอ กกต. อย่าเป็นอุปสรรค หัวหน้าพรรคฯ เรียกร้องให้ กกต. เร่งอนุมัติงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อการฟื้นฟูเยียวยา โดยอย่ากังวลเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง
“อะไรที่รัฐบาลอยากทำเพื่อให้ตรงนี้มันฟื้นขึ้นมาได้ กกต. อนุมัติเถอะนะครับ อย่ามากังวลว่าจะมากระทบเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องการเลือกตั้ง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
2. รัฐบาลต้องทำ “คนละครึ่ง เฟส 2” แบบจำกัดพื้นที่ นายอภิสิทธิ์ เห็นว่าขณะนี้เป็นเวลาที่สมเหตุสมผลที่สุดที่รัฐบาลควรพิจารณาจัดทำโครงการ “คนละครึ่ง” เฟส 2 โดยจำกัดเฉพาะพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในหาดใหญ่และชายแดนใต้เท่านั้น เพื่อสร้างกำลังซื้อที่รวดเร็วและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังเตือนไม่ให้ตีความคำว่า “ฝน 300 ปี” หรือ “ฝน 1,000 ปี” ผิดไปจนเกิดความประมาท แต่ต้องรับรู้ว่านี่ไม่ใช่แค่ปริมาณฝน แต่เกิดจาก ปัญหาการพัฒนาเมือง ที่มาเป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ พร้อมเสนอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยให้ความสำคัญของการมองไปในอนาคต โดยได้ระบุว่าการฟื้นฟูไม่ได้หมายถึงการทำให้หาดใหญ่กลับไปเหมือนก่อนน้ำท่วมเท่านั้น แต่ต้องใช้โอกาสนี้ในการถอดบทเรียนและพัฒนาระบบเมืองใหม่ให้มีความยืดหยุ่น

“ถ้าฟื้นฟูทุกสิ่งทุกอย่างได้ แม้ทำได้เต็มที่ แต่ถ้าปีหน้าเจอสภาพแบบนี้อีก ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะสามารถทำให้คนพร้อมที่จะอยู่ที่นี่ ลงทุนที่นี่” นายอภิสิทธิ์ กล่าวพร้อมเสนอให้มีการจัดตั้ง คณะกรรมการด้านวิชาการที่เป็นอิสระ เพื่อถอดบทเรียนโดยไม่ใช่เพื่อเอาผิดใครแต่เพื่อตอบโจทย์ว่าระบบในวันข้างหน้าต้องปรับปรุงอย่างไร ทั้งในเรื่องโครงสร้างการเตือนภัย การสื่อสาร และการบูรณาการฝ่ายปฏิบัติการ เพื่อให้การป้องกันและบรรเทาภัยมีประสิทธิภาพสูงสุด
นายอภิสิทธิ์ ทิ้งท้ายว่า การฟื้นตัวของหาดใหญ่จะต้องสอดคล้องกับการวางเป้าหมายที่จะทำให้เมืองมีขีดความสามารถในการระบายน้ำได้ดีขึ้น และมีผลกระทบกับประชาชนที่น้อยลง เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงให้กับประชาชน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคใต้ต่อไป




