ดัชนีความเชื่อมั่นที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล เพิ่มสูงขึ้น

Date:

ดร. วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในไตรมาส 3 ปี 2565 ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยพบว่า ในไตรมาสนี้ค่าดัชนีฯ ปรับตัวสูงขึ้นเท่ากับ 51.8 เพิ่มขึ้น จาก49.8 ในไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และเพิ่มขึ้นจากปีก่อน (YoY) ที่มีค่าดัชนี 47.1 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของผู้ประกอบมีทิศทางดีขึ้นต่อเนื่องมา 2 ไตรมาส หลังจากที่ปรับลดลงแรงในช่วงไตรมาส 1 ปี 2565

REIC พบว่า ความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบันของทั้งกลุ่มผู้ประกอบการกลุ่ม Listed และ Non-listed Companies มีการปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 3 นี้เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่กลุ่ม Listed Companies มีระดับความเชื่อมั่นฯที่สูงและปรับตัวในระดับที่สูงกว่ากลุ่ม Non-listed Companies อย่างชัดเจน โดยพบว่ากลุ่ม Listed Companies มีค่าดัชนีปรับขึ้น 3.1 จุด จาก 54.9 เป็น 58.0 ขณะที่กลุ่ม Non-listed Companies มีค่าดัชนีฯ ปรับขึ้นเพียง 0.4 จุด จาก 42.2 เป็น 42.6 และอยู่ที่ระดับ 42.2 ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่ากลางที่ระดับ 50.0 และเป็นการต่ำกว่าระดับ 50.0 ต่อเนื่องกันมา 14 ไตรมาสแล้ว หรือตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2562 แสดงว่ากลุ่ม Non-listed Companies มีความกังวลในการดำเนินธุรกิจมากกว่า กลุ่ม Listed Companies อย่างมีนัยสำคัญ

การปรับตัวดีขึ้นของดัชนีความเชื่อมั่นฯ เช่นนี้ อาจเนื่องมาจากภาวะของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมาตรการสนับสนุนเพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศของรัฐบาล ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก สิ่งนี้นับเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และทำให้ผู้ประกอบการเชื่อว่าน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดกำลังซื้อใหม่ๆ เพิ่มขึ้นจากภาคธุรกิจบริการที่ฟื้นตัวจากมาตรการดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 3 ปี 2565 ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังเผชิญกับปัจจัยลบที่สำคัญที่สร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการฯ เช่น สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้ราคาวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น ภาวะเงินเฟ้อ และทิศทางการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งสะท้อนให้เห็นชัดเจนในผู้ประกอบการฯ ทั้งกลุ่ม Listed Companies และ Non-listed Companies มีความกังวลต่อต้นทุนประกอบการ ที่อยู่ในระดับเพียง 28.6 ทั้งนี้ กลุ่ม Non-listed Companies ยังมีความเชื่อมั่นต่ำเพิ่มเติมในด้านผลประกอบการ ยอดขาย การเปิดโครงการใหม่ และการจ้างงาน อีกด้วย

นอกจากนี้ REIC ได้สำรวจภาพรวมของระดับความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ – ปริมณฑลที่มีต่อการดำเนินธุรกิจในอีก 6 เดือนข้างหน้า พบว่า มีการปรับตัวเพิ่มจากไตรมาสก่อนหน้าเล็กน้อยที่ 1.3 จุด มาอยู่ที่ 57.9 โดยมีความเชื่อมั่นสูงกว่าค่ากลางที่ระดับ 50.0 ในเกือบทุกด้าน ยกเว้นเรื่องต้นทุนการประกอบการในการดำเนินธุรกิจในช่วงเวลา 6 เดือนข้างหน้า

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการฯ กลุ่ม Listed Companies มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในอีก 6 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 61.8 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 0.2 จุด จากไตรมาส ได้แสดงให้เห็นว่า ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในดำเนินธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยค่อนข้างดีและเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผู้ประกอบการฯ กลุ่ม Non-listed Companies มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 52.1 ซึ่งกลับมาสูงกว่าค่ากลางที่ระดับ 50.0 และเพิ่มสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 49.1 ได้แสดงให้เห็นว่า กลุ่ม Non-listed Companies ก็เริ่มจะมีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจในอีก 6 เดือนข้างหน้าเช่นกัน (ดูตารางที่ 2 และแผนภูมิที่ 2) แต่ทั้งสองกลุ่มยังคงกังวลในด้านต้นทุนการประกอบการอยู่ในระดับความเชื่อมั่นที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งมาจากภาวะทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ราคาที่ดิน ค่าก่อสร้าง ค่าจ้างแรงงาน และค่าโสหุ้ยในการประกอบธุรกิจที่ยังคงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในอีก 6 เดือนข้างหน้า

ผลการสำรวจในรอบไตรมาสนี้ ทำให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาอย่างชัดเจนแล้วในไตรมาส 3 ปี 2565 และมีแนวโน้มที่ความเชื่อมั่นฯฟื้นต่อเนื่องในอีก 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยบวกต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะก่อให้เกิดการลงทุนใหม่ การเปิดโครงการใหม่ รวมถึงยอดขายที่ดีขึ้น และย่อมจะช่วยให้เกิดการจ้างงานจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่จะดีขึ้นในช่วงอีก 6 เดือนข้างหน้าอีกด้วย แต่ด้านต้นทุนของผู้ประกอบการที่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จะยังเป็นปัจจัยฉุดระดับความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการฯ ที่สำคัญ ดร.วิชัย กล่าว

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

ยันอีกแล้ว ผู้ทำผิด ตึก สตง. ถล่ม ต้องถูกดำเนินคดีค่ะ

อิงค์ ยันอีกแล้ว ผู้ทำผิด ตึก สตง. ถล่ม ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายค่ะ

รัฐมนตรีคลังจนแต้ม จี้พิจารณาตัวเองด่วน

รัฐมนตรีคลังจนแต้ม ทีมเศรษฐกิจสองนายกรัฐมนตรี ไม่รู้เรื่องรู้ราวเอาเสียเลย แนะนำให้ท่านทบทวนตัวเองและทีมงานเป็นการด่วน

ผลสำรวจ นิด้าโพล เห็นควรปรับ ครม. ทันที

ผลสำรวจ นิด้าโพล เห็นควรปรับ ครม. ทันที ลงความเห็น 2 พิชัย ไม่ควรไปต่อ

ปรับภูมิใจไทยออก: ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก

ปรับภูมิใจไทยออก เพื่อไทยอยู่ในลักษณะกลืนไม่เข้าขายไม่ออก หรือจะเรียกว่ายักตื้นติดกึกยักลึกติดกัก ก็ได้