วิกฤติอาหารโลก (Global food crisis)

Date:

วิกฤติอาหารโลกมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินว่า ปัจจุบันวิกฤติอาหารโลก (Global food crisis) มีแนวโน้มขยายวงกว้างและรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางความเสี่ยงด้านต่าง ๆ ในระบบนิเวศน์ที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้จากการศึกษาพบว่าวิกฤติอาหารโลกที่เกิดขึ้นรอบนี้มีสาเหตุหลักมาจาก 3 ปัจจัย ได้แก่ 1) การแพร่ระบาดของ COVID-19 2) สงครามรัสเซีย-ยูเครน และ 3) การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งปัจจัยดังกล่าวเหล่านี้ได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านอุปทานและอุปสงค์ในตลาดอาหารโลกในวงกว้างอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตอาหารโลกตั้งแต่ระดับ
ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ

ในระยะสั้น ไทยมีโอกาสได้รับอานิสงส์จากการส่งออกสินค้าไปยังตลาดโลกเพิ่มขึ้น

ภายใต้สถานการณ์วิกฤติอาหารโลกที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไทยจะได้รับประโยชน์จากการส่งออกสินค้าไปยังตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น ในฐานะประเทศผู้ส่งออกผลิตผลทางการเกษตร สินค้าเกษตรแปรรูป และผลิตภัณฑ์อาหารลำดับต้น ๆ ของโลก อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในฐานะครัวโลก (Kitchen of the world) มาอย่างยาวนาน เนื่องจากมีผลผลิตทางการเกษตรที่หลากหลายและมีคุณภาพ รวมทั้งยังมีศักยภาพการผลิตในปริมาณที่มากเพียงพอสำหรับป้อนความต้องการบริโภคภายในประเทศและเหลือสำหรับส่งออกอีกด้วย สะท้อนได้จากปริมาณการส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญบางสินค้า เช่น น้ำมันปาล์ม ซึ่งได้รับประโยชน์โดยตรงในฐานะสินค้าทดแทนและปรับตัวสูงขึ้นมากหลังจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ปะทุขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ซึ่งมีผลให้อุปทานน้ำมันดอกทานตะวันจากทั้งสองประเทศหายไปทางตลาดโลก

อย่างไรก็ดี วิกฤติอาหารโลกก็กำลังกลายเป็นความเสี่ยงสำคัญที่ต้องจับตาในระยะยาว

แม้ว่าในระยะสั้น ไทยจะได้ร้บอานิสงส์จากการส่งออกสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ความกังวลในเรื่อง Food security กำลังกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ประเทศต่าง ๆ หันมาตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้และมีความพยายามที่จะพึ่งพาตนเอง (Self-reliance) ด้านอาหารมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาการนำเข้าอาหารจากต่างประเทศท่ามกลางความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่สูงขึ้น โดยได้เริ่มมีการวาง Roadmap ในเรื่องนโยบายความมั่นคงด้านอาหารกันอย่างจริงจังมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ได้กลายเป็นความเสี่ยงที่อาจมีผลกระทบต่อแนวโน้มการส่งออกสินค้าในกลุ่มธัญพืช พืชอาหาร ผลไม้ เนื้อสัตว์ รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารของไทยในระยะยาว ทั้งในแง่ความต้องการนำเข้าอาหารจากประเทศ
คู่ค้าของเราที่อาจทยอยปรับลดลง หรือแม้แต่การที่คู่ค้าบางรายอาจพัฒนาศักยภาพการผลิตอาหารจนสามารถผันตัวเองมาเป็นคู่แข่งของไทยในอนาคต

ไทยจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การเติบโตอย่างครบวงจรตลอดห่วงโซ่การผลิตอาหาร

อนึ่งความเสี่ยงและความท้าทายที่เกิดขึ้น เป็นตัวเร่งให้ไทยต้องหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเกษตรที่ทันสมัยและนำมาปรับใช้อย่างเหมาะสม อาทิ Indoor farming หรือ Vertical farming หรือแม้แต่การมุ่งเน้นไปที่การทำการเกษตรแบบแม่นยำสูง (Precision agriculture) เพื่อลดต้นทุนการเพาะปลูกและเพิ่มผลผลิตต่อไร่ (Yield) รวมถึงการปรับปรุงสายพันธุ์เพื่อพัฒนาคุณภาพและรสชาติของผลผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาดมากขึ้น รวมถึงการมองหาโอกาสในการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทาน
การผลิตอาหารโลกแห่งอนาคต เพื่อขับเคลื่อนไปสู่การพัฒนาสินค้าเกษตรและอาหารเชิงนวัตกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้นให้กับระบบเศรษฐกิจ ซึ่งสอดรับกับยุทธศาสตร์การเติบโตแบบ Value-based economy
ในอนาคตต่อไป

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

“ทวี” ลั่น ประชาชาติจะอยู่กับ พท.

“ทวี” ลั่น ประชาชาติจะอยู่กับ พท. แม้มีอุบัติเหตุทางการเมือง 29 ส.ค. 

เมืองไทยประกันชีวิต เดินหน้าส่งเสริมความปลอดภัยแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ

เมืองไทยประกันชีวิต เดินหน้าส่งเสริมความปลอดภัยแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ มอบหมวกกันน็อกและเครื่องฟอกอากาศ ให้สถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร

คปภ. รณรงค์ลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี ลดความเสี่ยงแก่ประชาชน

คปภ. รณรงค์ลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี ลดความเสี่ยงแก่ประชาชนและผู้ประกอบการ SMEs ให้เข้าใจในการใช้ประโยชน์จากประกันภัย 

คปภ. ร่วมกับ AITRI จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ 

คปภ. ร่วมกับ AITRI จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ “การบริหารความเสี่ยงระดับองค์กรและการเสริมสร้างความยืดหยุ่นเชิงปฏิบัติการ”