Currency War 3.0 สงครามค่าเงินรูปแบบใหม่

Date:

อมรเทพ จาวะลา

ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ตลาดการเงินผันผวนหนักอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีเกินคาด สะท้อนว่าการขึ้นดอกเบี้ยไปถึงระดับ 4.75% ไม่สามารถชะลอเศรษฐกิจสหรัฐลงได้ จนนักลงทุนคาดว่าการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอาจจำเป็นต่อจนถึงระดับ 5.50% ในเดือนมิถุนายน

อย่างไรก็ดี สำนักวิจัยฯ มองว่า เฟดไม่จำเป็นต้องกลับมาใช้ยาแรงด้วยการขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.50% เพื่อฉุดเงินเฟ้อลงเหมือนที่เคยทำเมื่อปีก่อน แต่จะเห็นการขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปครั้งละ 0.25% และไม่น่าเห็นการลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้จนกว่าเงินเฟ้อจะลดลงอย่างชัดเจน จนปรากฏคำใหม่ 3 คำ

no pivot – เฟดไม่พลิกกลับด้านมาลดดอกเบี้ย

no landing – เศรษฐกิจสหรัฐไม่ชะลอลงจอดนิ่มๆ แต่ยังขยายตัวต่อเนื่อง

no dis-inflation – เงินเฟ้อไม่ลดลงเทียบเดือนต่อเดือนในระยะสั้น

ในภาวะที่สหรัฐยังเผชิญความท้าทาย จากเงินเฟ้อฝั่งอุปสงค์ที่ขยายตัว และค่าจ้างแรงงานยังเพิ่มสูงจากตลาดแรงงานที่ตึงตัว ทั้งหมดนี้ นักลงทุนยังสามารถหาจังหวะการลงทุนในภาวะเช่นนี้ได้ แต่สำหรับฝั่งตลาดเกิดใหม่กำลังเผชิญสงครามค่าเงิน version ใหม่ หรือ Currency War 3.0

ย้อนกลับไปปี 2019 ช่วงสหรัฐทำสงครามการค้ากับจีน ธนาคารกลางในภูมิภาคพยายามลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อปล่อยให้ค่าเงินอ่อนค่า หวังเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านส่งออก กลายเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เรียกว่าหากลดดอกเบี้ยแรงกว่าเพื่อน ค่าเงินจะอ่อนกว่า สามารถขายของหรือส่งออกได้ดีกว่า เกิดเป็นสงครามค่าเงินรูปแบบแรก (Currency War 1.0)

แต่พอมาปี 2022 เกิดสงครามค่าเงินรูปแบบใหม่ (Currency War 2.0) ธนาคารกลางในภูมิภาคพยายามขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อพยุงค่าเงินให้ไม่อ่อนค่าแรงเทียบดอลลาร์สหรัฐ แม้การส่งออกทำได้ดี แต่ปัญหาอยู่ที่อัตราเงินเฟ้อสูง ค่าเงินที่แข็งค่าจะช่วยลดราคาสินค้านำเข้า โดยเฉพาะน้ำมัน ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาเงินเฟ้อและประคองเศรษฐกิจในประเทศ

ปี 2023 กำลังจะเกิดสงครามค่าเงินอีกรูปแบบ (Currency War 3.0) เป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ เพื่อปล่อยให้ค่าเงินในประเทศอ่อนค่า หวังเพิ่มความสามารถการแข่งขันการส่งออก ในช่วงที่เงินดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าตามการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐ ขณะที่ราคาน้ำมันกำลังลดลงช่วยให้อัตราเงินเฟ้อฝั่งเอเชียย่อลง และสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาค

“สำหรับดอกเบี้ยนโยบายของไทย สำนักวิจัยฯ คาดการณ์ว่า กนง. จะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 29 มี.ค. นี้ อีก 0.25% สู่ระดับ 1.75% แต่ก็มีลุ้นว่าอาจเสียงแตกให้ตรึงดอกเบี้ย จากการที่ภาคส่งออกหดตัวอาจฉุดเศรษฐกิจไทยเสี่ยงโตช้า เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค และในการประชุมเดือนพฤษภาคมอาจเห็นการตรึงดอกเบี้ย ปล่อยให้บาทอ่อนค่าอยู่ในกรอบ 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสสอง ช่วงเงินเฟ้อขยับลง เพื่อฟื้นเศรษฐกิจ” ดร.อมรเทพ กล่าว.

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

ธนาคารกรุงเทพ กำไรครึ่งปี 24,458 ล้านบาท

ธนาคารกรุงเทพ รายงานกำไรสุทธิสำหรับงวดแรกปี 2568 จำนวน 24,458 ล้านบาท

JAECOO ประกาศแต่งตั้ง “มาริโอ้ เมาเร่อ” เป็นพรีเซนเตอร์คนแรก

JAECOO ประกาศแต่งตั้ง “มาริโอ้ เมาเร่อ” เป็นพรีเซนเตอร์คนแรกของแบรนด์ในประเทศไทย

จิตตะ เวลธ์ ชี้ AI Market Prediction ยังล็อกเป้าหุ้นจีน

จิตตะ เวลธ์ ชี้ AI Market Prediction ยังล็อกเป้าหุ้นจีน เผยสูตรจัดพอร์ตด้วย Core & Satellite ลงทุน Global ETF และ Jitta Ranking Alpha ฝ่าความผันผวนได้จริง

เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ขยายสิทธิพิเศษให้กับนักเดินทางทั่วโลก

เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ผนึกกำลังกับ Global Hotel Alliance กลุ่มพันธมิตรโรงแรมอิสระชั้นนำพร้อมขยายสิทธิประโยชน์พิเศษให้กับนักเดินทางทั่วโลก