SCB CIO คาดธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มหยุดขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 2

Date:

กำพล อดิเรกสมบัติ

SCB CIO ประเมินหลังเกิดปัจจัยเสี่ยงต่อเสถียรภาพสถาบันการเงิน คาดว่าธนาคารกลางหลักจะเริ่มส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ยภายในไตรมาส 2 และ เชื่อว่าโอกาสที่จะเกิดความเสี่ยงต่อสถาบันการเงิน จนลุกลามกลายเป็นวิกฤตทั้งระบบยังมีค่อนข้างน้อย เพราะส่วนใหญ่เป็นปัญหาเฉพาะตัว และ Fed ได้ออกมาจัดการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ฝากเงินและช่วยสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์ได้ค่อนข้างเร็ว แนะหาจังหวะสะสมหุ้นกู้คุณภาพสูง โดยเชื่อว่า ผลของการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องและการระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์จะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและยาวลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 รวมทั้งหุ้นจีน A-share และหุ้นไทยที่ Valuation น่าสนใจและมีแนวโน้มกำไรที่ฟื้นตัวในระยะข้างหน้า

ดร.กำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส และหัวหน้าทีม SCB Chief Investment Office (SCB CIO) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากประเด็นความกังวลการแห่ถอนเงิน (Bank run) ในสหรัฐฯ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ต้องออกมาตรการเพื่อจัดการคุ้มครองเงินฝากของธนาคารที่ถูกปิดและดูแลสภาพคล่องให้กับธนาคารที่จะมีปัญหานี้ในอนาคต โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ธนาคารขนาดกลางในสหรัฐฯ ประสบปัญหาคือ 1) โครงสร้างฐานลูกค้าที่มีการกระจุกตัว (client base concentration) และ 2) การบริหารสินทรัพย์และหนี้สินที่ผิดพลาด (asset/liability mismatching) อย่างไรก็ตาม SCB CIO เชื่อว่าโอกาสที่จะลุกลามกลายเป็นวิกฤตทั้งระบบยังมีค่อนข้างน้อย เพราะส่วนใหญ่เป็นปัญหาเฉพาะตัว และ Fed ได้ออกมาจัดการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ฝากเงินและช่วยสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์ได้ค่อนข้างเร็ว

ส่วนกรณีเสถียรภาพสถาบันการเงินในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ SCB CIO ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ UBS ตกลงเข้าซื้อ Credit Suisse โดยมีธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ช่วยเหลือเรื่องสภาพคล่อง แต่หนึ่งในเงื่อนไขที่สร้างความประหลาดใจให้ตลาด คือ การที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ (FINMA) ได้มีคำสั่งให้ผู้ถือหน่วยตราสารที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 หรือ Additional Tier 1 (AT1) ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. ต้องรับความเสียหายไปด้วย โดยมูลค่า AT1 ส่วนนี้กลายเป็นศูนย์ ดังนั้น SCB CIO มองว่า การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยลดความกังวลเสถียรภาพของระบบการเงินได้ในระดับหนึ่ง แต่น่าจะทำให้ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปต้องถือสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องมากขึ้นและเข้มงวดขึ้นในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจมีการชะลอตัวได้มากขึ้นในระยะข้างหน้า

ทั้งนี้ รูปแบบการเข้าช่วยเหลือ เป็นการเน้นรักษาเสถียรภาพระบบการเงินโดยรวมและดูแลผู้ฝากเงิน ขณะที่ ผู้ถือหุ้น/AT1 ต้องรับความเสียหายด้วย เป็นมาตรการช่วยเหลือที่เห็นได้ทั้งในกรณีสหรัฐฯ และ สวิสเซอแลนด์ โดยเราเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ที่มีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและฐานทุนจะยังต้องเผชิญความเสี่ยงจากการถูกประเมินอันดับและแนวโน้มความน่าเชื่อถือ (credit rating and outlook downgrade risk) และต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นต่อไป โดยประเด็นเหล่านี้จะทำให้ธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังในการปล่อยกู้สินเชื่อมากขึ้น และน่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกโดยรวมยังมีแนวโน้มชะลอตัวต่อ

จากความเสี่ยงเสถียรภาพสถาบันการเงิน จะทำให้ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มหยุดขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 2 โดยในกรณีของ Fed จะนำประเด็นรอยร้าวที่เกิดขึ้นในระบบการเงิน (แม้จะมีการอุดรอยร้าวนี้ไปบ้างแล้ว) มาเป็นปัจจัยที่ใช้ตัดสินใจ เพราะในการดำเนินนโยบายการเงินของ Fed นอกจากประเด็นเงินเฟ้อและการจ้างงานแล้ว Fed ต้องพิจารณาเสถียรภาพระบบการเงิน สถาบันการเงิน ระบบการชำระเงินและการคุ้มครองผู้บริโภคด้วย ทำให้ Fed น่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 25 bps. ในการประชุมเดือน พ.ค. โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงสุด (Terminal rate) จะอยู่ที่ 5.00%-5.25% และคงดอกเบี้ยไว้ระดับนี้จนถึงปลายปี 2566

สำหรับ กลยุทธ์การลงทุน SCB CIO ประเมินว่า ยังเป็นโอกาสดีที่จะสะสมหุ้นกู้คุณภาพสูง (Positive) แม้อัตราเงินเฟ้อในช่วงสั้นจะยังอยู่ในระดับสูง แต่ราคาพลังงานโลกที่ลดลงค่อนข้างเร็ว น่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงไตรมาสที่ 2 เริ่มมีสัญญาณชะลอลงเร็วขึ้น บวกกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นของเสถียรภาพสถาบันการเงิน เราคาดว่า Fed รวมถึงธนาคารกลางหลักอื่นๆ จะเริ่มส่งสัญญาณการหยุดขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 2/2566 ทำให้ในช่วงนี้ยังเป็นจังหวะที่ยังทยอยสะสมหุ้นกู้คุณภาพดีได้ โดยเราเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ชะลอลง (จากราคาพลังงานที่ลดลง) รวมถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง (จากผลของการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องและการระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์) จะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและยาวลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2566

นอกจากนี้ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในเอเชีย (Asian REITs) ยังน่าสนใจ จากการเปิดเมืองเปิดประเทศของจีนและอาเซียน ส่งผลบวกต่ออัตราการเช่าและค่าเช่า (Occupancy rates and rental rates) ในอนาคตของ REITs ทั้งในกลุ่มโรงแรม และพื้นที่เชิงพาณิชย์ (industrial and warehouse) โดยเฉพาะในไทยและสิงคโปร์ที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการพึ่งพาเศรษฐกิจจีนค่อนข้างมาก ขณะที่การเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรโดยเฉพาะในกรณีของไทยเริ่มมีจำกัด ทำให้มูลค่าของ REITs ในไทยและสิงคโปร์น่าจะถูกกำหนดด้วยอัตราการเช่าและค่าเช่าที่ฟื้นตัวเป็นหลัก

ส่วน การลงทุนในหุ้น (Neutral) แม้มูลค่าเมื่อพิจารณาจากราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E ratio) มีความน่าสนใจมากขึ้นแต่ยังมีแรงกดดันจากทั้งต้นทุนทางการเงินที่สูง และแนวโน้มกำไรเติบโตติดลบ จึงควรระมัดระวังกลุ่มที่มีภาระหนี้สูง ด้านผลประกอบการไตรมาส 4/2565 ที่ออกมาล่าสุดจากตลาดหุ้น ส่วนใหญ่ สะท้อน 1) การหดตัวของอัตราการเติบโตกำไรบริษัทจดทะเบียนทำให้เกิดความเสี่ยง กำไรเมื่อเทียบรายปี หดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส (earning recession) และ 2) การลดลงของจำนวนบริษัทที่มีกำไรดีกว่าคาด (earnings’ positive surprises)

ดร.กำพล กล่าวว่า เราได้ปรับมุมมองหุ้นเวียดนามลงเป็น Slightly Negative (ทยอยขาย) โดยเวียดนามยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการลงทุนระยะยาว ส่วนสถานการณ์การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ เรามองว่าจะไม่ลุกลามจนกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ความกังวลบนการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคอสังหาฯ อาจส่งผลให้มี sentiment เชิงลบต่อธุรกิจในกลุ่มอสังหาฯ และ กลุ่มอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กลุ่มธนาคาร และ กลุ่มธุรกิจก่อสร้าง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเวียดนาม ขณะที่เสถียรภาพด้านต่างประเทศของเวียดนามโดยเฉพาะประเด็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศยังจะเป็นประเด็นกดดันต่อไปในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า โดยเรายังแนะนำให้เน้นการลงทุนในตลาดหุ้นจีน (A-share: Positive; H-share Slightly Positive) และตลาดหุ้นไทย (Slightly Positive) ที่ Valuation น่าสนใจและมีแนวโน้มกำไรที่ฟื้นตัวในระยะข้างหน้า

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

CHAGEE เปิดตัวน้อน “Bes-tea Plushies”

น่ารักเกินกว่าจะยกดื่ม! CHAGEE เปิดตัวน้อน “Bes-tea Plushies” คู่หูสุดคิ้วท์ ชวนจุ่มทั้งคอลเลคชันกับดีลพิเศษคู่เมนูฮิตจำนวนจำกัด 18 - 24 ก.ค. 2568 นี้ เท่านั้น!

ออมสิน ชวนเข้าโครงการสินเชื่อสร้างเครดิต 

ออมสิน ชวนเข้าโครงการสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส ปลดล็อกอนุมัติกู้ให้ทุกอาชีพที่ไม่เคยกู้เงินแบงก์

ธ.ก.ส. ชวนฝากสลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดมังกรหยก

ธ.ก.ส. ชวนฝากสลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดมังกรหยก ลุ้นจุ่ม Art Toy AGRI ANIMAL ในงาน Thailand Smart Money อุบลราชธานี ครั้งที่ 11

“เผ่าภูมิ” ยันไทยไม่ลดภาษี 0% ทั้งหมดให้สหรัฐฯ

“เผ่าภูมิ” ยันเป็นไปได้ที่ไทยจะลดภาษี 0% ให้สหรัฐฯ แบบ100% ยันต้องพิจารณาบนหลักความสมดุล ย้ำผู้ชนะไม่ใช่คนที่ได้เรตภาษีต่ำที่สุด