ALT พร้อมให้บริการสถานีเคเบิลใต้น้ำ นำร่อง จ.สตูล

Date:

นายสุพัฒน์ เอี่ยมวิวัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายปฎิบัติการ บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล เกตเวย์ จำกัด (IGC ) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทเอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ALT เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายสื่อสารความเร็วสูงทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า IGC ได้ดำเนินการให้บริการสถานีเคเบิลใต้น้ำในพื้นที่จังหวัดสตูลเป็นโครงการแรก เพื่อเชื่อมต่อระบบเคเบิลใต้น้ำและบริการรับส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็วด้วยเสถียรภาพที่สูงกว่าระบบสื่อสัญญาณอื่นๆ รองรับการเชื่อมระบบสื่อสารและสัญญาณอินเทอร์เน็ตระหว่างทวีป ทั้งจากทวีปยุโรป ทวีปแอฟริกา ประเทศอินเดียและสิงคโปร์ มายังประเทศไทย ซึ่งจะสามารถเชื่อมระบบเครือข่ายสื่อสารไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia) การเพิ่มระบบเคเบิ้ลใต้น้ำเชื่อมต่อกับสถานีเคเบิลใต้น้ำในประเทศไทยเพื่อเชื่อมโครงข่ายต่างๆ ภายในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นโครงข่ายของบริษัทเอง หรือโครงข่ายของผู้ประกอบการรายอื่นๆ รวมถึงโครงข่ายที่เชื่อมระหว่างศูนย์ข้อมูล (Data Center) ทั้งหลายที่ตั้งอยู่ในไทย จะเป็นการเพิ่มปริมาณข้อมูลที่ส่งผ่านและเข้าประเทศไทย จากระบบเคเบิลใต้น้ำที่มาจากทวีปอื่นๆ ได้มากยิ่งขึ้น ความสำเร็จของโครงการนี้นอกจากจะเสริมสร้างรายได้ให้กับบริษัทแล้ว ยังช่วยยกระดับให้ไทยเข้าใกล้เป้าหมายของประเทศที่มุ่งพัฒนาให้เป็น Digital Hub อีกด้วย

โดยโครงการระบบเคเบิลใต้น้ำเพื่อเชื่อมระบบเครือข่ายสื่อสัญญาณโทรคมนาคมรวมถึงสัญญาณอินเตอร์เน็ตข้ามทวีปไปอีกมุมหนึ่งของโลก โดยมีศูนย์กลางข้อมูลอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง อินเดีย ฝรั่งเศส และเยอรมัน มีการเชื่อมสัญญาณสื่อสารไปทั่วโลกด้วยระบบเคเบิ้ลใต้น้ำ เป็นการเชื่อมต่อด้วยสายไฟเบอร์ออฟติคที่ถูกติดตั้งในทะเล สามารถแก้ปัญหาความล่าช้าของการรับส่งข้อมูลได้จากการเดินทางด้วยความเร็วแสง 186,000 ไมล์ต่อวินาที มีค่าความหน่วงต่ำ (Low latency) ทำให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สัญญาณภาพและเสียงไม่กระตุกและมีความเสถียรสูง

“ความน่าสนใจของธุรกิจเคเบิลใต้น้ำและการให้บริการสถานีเคเบิลใต้น้ำ โดยทางเทคนิคการใช้งาน Social media ต้องการการเชื่อมสัญญาณระหว่างทวีปที่มีความรวดเร็วและระบบเครือข่ายสื่อสารที่มีความเสถียรสูง แต่การลงทุนระบบเคเบิลใต้น้ำใช้เงินลงทุนที่สูงมาก อย่างเช่นการเชื่อมต่อระบบเคเบิลใต้น้ำระหว่าง ไทย-อินเดีย จะใช้เงินลงทุนสูงถึง 300-400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเราไม่พร้อมที่จะลงทุนทำเอง แต่ปัญหาหรือจุดอ่อน คือเมื่อก่อนการลงทุนสร้างระบบเคเบิลใต้น้ำเข้ามาที่ประเทศไทยยังมีน้อย เพราะความกังวลในขั้นตอนต่างๆ ที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการค่อนข้างนาน ผู้ประกอบการจึงหันไปลงทุนในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์แทน

ซึ่งเรามองเห็นโอกาสตรงนี้จึงได้สร้างสถานีเคเบิลใต้น้ำขึ้นมา โดยการขออนุญาตจาก กสทช. และขออนุญาตในการใช้พื้นที่จากหน่วยงานรัฐที่กำกับดูแลและหน่วยงานท้องถิ่นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนต่างชาติในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทได้เซ็นสัญญากับลูกค้าต่างชาติซึ่งเป็นบริษัทระดับโลกเพื่อเชื่อมต่อระบบเคเบิลใต้น้ำเข้ามายังสถานีเคเบิลใต้น้ำของ IGC ที่ จ.สตูล และส่งผ่านสัญญาณเพื่อเชื่อมไปยังโครงข่ายภายในประเทศหรือต่างประเทศ รวมถึงดาต้าเซ็นเตอร์ต่างๆ ในประเทศไทย“

“เรารู้ว่า Submarine cable เป็นความจำเป็นพื้นฐานต่อการพัฒนา Digital Economy ของประเทศไทย แต่โครงการ Submarine cable มีการลงทุนที่สูงมาก จึงเป็นที่มาของการบริหารจัดการอำนวยความสะดวกให้ระบบเคเบิลใต้น้ำเข้ามาในไทยและเชื่อมกับโครงข่ายภาคพื้นดินได้ง่ายขึ้น เราเปรียบเสมือนท่าเรือที่เปิดให้เรือโดยสารเข้ามาเทียบท่าและดูแลผู้โดยสารให้ขึ้นฝั่งและผ่านพิธีการได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และปลอดภัย สิ่งที่ IGC ทำนี้ เป็นการสนับสนุนและดำเนินตามนโยบายของภาครัฐที่จะช่วยส่งเสริมการเป็น Digital Hub ของไทย ซึ่ง IGC ได้สร้างสถานีเคเบิ้ลใต้น้ำเพื่อรองรับ Submarine cable จากทั่วโลกที่จะเข้ามาที่ไทย จะทำให้ประเทศไทยน่าสนใจ และจูงใจให้โอเปอเรเตอร์และดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลกมีความมั่นใจที่จะมาลงทุนในไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่ง ALT มีแผนที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจในกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้นด้วย” นายสุพัฒน์กล่าว

นายสุพัฒน์ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า IGC จำเป็นต้องมีการสร้างสถานีเคเบิลใต้น้ำฝั่งตะวันตกเพื่อรองรับการเชื่อมต่อจากยุโรป แอฟริกาใต้ และอินเดีย โดยจำเป็นต้องมีการเชื่อมระบบเครือข่ายสื่อสารมาทางฝั่งตะวันออก จึงต้องมีสถานีเคเบิลใต้น้ำใน จ.สงขลา เพื่อเชื่อมต่อระบบเคเบิลใต้น้ำในฝั่งตะวันออกไปยังญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เวียดนาม จีน และฮ่องกง รวมถึงจำเป็นต้องมีสถานีเคเบิลใต้น้ำในจ.ระยอง เพื่อช่วยส่งเสริมการพัฒนาในพื้นที่ EEC ซึ่งเมื่อมีการเชื่อมระบบเครือข่ายระหว่าง จ.ระยอง จ.สตูล และ จ.สงขลา ถึงกันได้ ผู้ใช้บริการจะสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านระบบเครือข่ายสื่อสารความเร็วสูงที่มีศักยภาพที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตัวอย่างเช่น ถ้าญี่ปุ่นที่จะมาลงทุน Submarine cable เชื่อมจากสงขลาไปญี่ปุ่น จะเปิดโอกาสในการเชื่อมต่อข้อมูลสื่อสารกับฐานลูกค้าในภาคตะวันออกที่อยู่ในพื้นที่ EEC และยังสามารถเชื่อมไปยัง อินเดีย ยุโรป ในฝั่งตะวันตกได้อีกด้วย

IGC ต้องการเชื่อมระบบเครือข่ายสื่อสารความเร็วสูงจาก จ.สตูล และสงขลา มายังกรุงเทพฯ และเชื่อมระบบเครือข่ายสื่อสารไปยังมาเลเซีย โดยใช้โครงข่ายหลักของ IGC เชื่อมต่อกันเป็นโครงข่ายใยแมงมุมให้ครอบคลุมพื้นที่สำคัญต่างๆ ทั่วประเทศ และเมื่อเปิดให้บริการครบทั้ง 15 Cross Borders ก็จะเชื่อมโยงโครงข่ายสื่อสัญญาณไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ลาว กัมพูชา มาเลเซีย เมียนมาร์ รวมถึงเวียดนาม และจีน ซึ่งจะทำให้เกิดการเชื่อมเครือข่ายภาคพื้นดินกับระบบเคเบิลใต้น้ำในภูมิภาคให้มีเสถียรภาพสูง

“ความคาดหวังของรัฐบาลในการเป็น Digital Hub ของ Southeast Asia คงเป็นไปได้เร็วขึ้น ถ้าทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือกันในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างที่ IGC พยายามทำอยู่”

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

บ “บริษัท มายคาร์ เซอร์วิส พลัส 1989 จำกัด” ขายประกันภัยรถยนต์ปลอม

คปภ. ร่วมกับ ตำรวจสอบสวนกลาง จับ “บริษัท มายคาร์ เซอร์วิส พลัส 1989 จำกัด” ขายประกันภัยรถยนต์โดยไม่ได้รับอนุญาต พบผู้เสียหายเกือบ 500 ราย มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท

ไทยพาณิชย์ โพรเทค มุ่งยกระดับคนรุ่นใหม่สู่โลกประกันยุคดิจิทัล

ไทยพาณิชย์ โพรเทค จับมือ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เดินหน้าโครงการ “Internverse” มุ่งยกระดับคนรุ่นใหม่สู่โลกประกันยุคดิจิทัล

แอป CIMB THAI นำหนึ่งก้าวด้านความปลอดภัย

แอป CIMB THAI นำหนึ่งก้าวด้านความปลอดภัย ออกฟีเจอร์ใหม่ App Lock ล็อกทั้งแอป

InterGOLD ปักธงผู้นำแพลตฟอร์มทองคำดิจิทัล

InterGOLD ปักธงผู้นำแพลตฟอร์มทองคำดิจิทัล ขยายตลาดรับทองจริงทั่วไทย นำร่องเชียงใหม่